วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI <p>วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก เป็นวารสารของคณะเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่บทความวิจัยและบทความวิชาการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แก่ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สาขาเทคโนโลยีมัลติมีเดียและแอนิเมชั่น สาขานวัตกรรมการศึกษาและเทคโนโลยีทางการศึกษา สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ/เทคโนโลยีอุตสาหกรรม สาขนวัตกรรมทางธุรกิจ และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงสาขาต่างๆ ที่มีการบูรณาการข้ามศาสตร์ที่เกี่ยวข้องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ทางวารสารมีการเผยแพร่กำหนดพิมพ์ปีละ 2 ฉบับ ฉบับที่ 1 มกราคม-มิถุนายน และฉบับที่ 2 กรกฎาคม-ธันวาคม โดยการประเมินคุณภาพบทความผ่านผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 3 ท่าน</p> th-TH <p>บทความที่ได้รับการตีพิมพ์และเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก</p> sciandtech.sbc@gmail.com (Asst.Prof.Dr.Sudasawan Ngammongkolwong) Naritta2121@gmail.com (อาจารย์นฤทธิ์ตา สุดสงวน) Mon, 30 Jun 2025 15:49:37 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 แนวทางการออกแบบการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ผ่านกระบวนการการคิดเชิงออกแบบและปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/258440 <p>บทความนี้กล่าวถึงการส่งเสริมการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของผู้เรียนผ่านกระบวนการต่าง ๆ เช่น กระบวนการคิดเชิงออกแบบDesign Thinking ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยพัฒนาทักษะที่สำคัญในศตวรรษที่ 21 อย่างมีประสิทธิภาพ<br />การผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) เข้ากับการออกแบบการเรียนรู้ยังทำให้สามารถปรับเนื้อหาและกระบวนการสอนให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของผู้เรียนแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ(Design Thinking ) ที่ถูกนำมาใช้ร่วมกับ ปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้แบบมุ่งเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ปัญหาอย่างลึกซึ้งครูผู้สอนจึงต้องมีสมรรถนะในการจัดการเรียนการสอนด้วยกระบวนการคิดเชิงออกแบบ(Design Thinking ) ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) ความรู้ (Knowledge) ในการเข้าใจกระบวนการและเทคโนโลยี 2) ทักษะ (Skills) ในการสื่อสารและส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์ 3) เจตคติ (Attitudes) ที่เปิดกว้างและยืดหยุ่นในการปรับการสอนตามความต้องการของผู้เรียน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้แบบมีผู้เรียนเป็นศูนย์กลางที่มีประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของผู้เรียนแต่ละคน อย่างไรก็ตามผู้วิจัย ยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพิจารณาจริยธรรม ในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ รวมถึงการตระหนักถึงข้อจำกัดต่าง ๆ ของเทคโนโลยีนี้ เพื่อให้การนำ AI มาใช้นั้นเป็นไปอย่างปลอดภัยและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดในบริบทของการศึกษา</p> <p> </p> วริศร์ รัตนนิมิตร, เบญจมาภรณ์ จันทร, สุธิดา ชัยชมชื่น ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/258440 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาเทคนิคการถ่ายภาพเอกซเรย์ ของสารเคมีโดยการบันทึกภาพบนฉากเรืองแสงด้วยกล้องดิจิทัล https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/256907 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาเทคนิคการถ่ายภาพเอกซเรย์ของสารเคมีโดยการบันทึกภาพบนฉากเรืองแสงด้วยกล้องดิจิทัล และ 2) การวิเคราะห์ภาพถ่ายทางรังสีด้วยโปรแกรม Image J 3) เพื่อหาค่าสัมประสิทธิ์การลดทอนพลังงานของเอกซเรย์ วัสดุอุปกรณ์: เครื่องกำเนิดเอกซเรย์, ฉากเรืองรังสี, กล้องดิจิทัล, คอมพิวเตอร์ และสารตัวอย่างประกอบด้วย BaSO<sub>4</sub>, CaCl<sub>2</sub>, CaCO<sub>3</sub>, MgCl<sub>2</sub>, MgSO<sub>4</sub> และ CaSO<sub>4 </sub>วิธีการศึกษา: ปรับระยะระหว่างเครื่องกำเนิดเอกซเรย์กับฉากเรืองรังสี 100 cm, ค่าแรงดันไฟฟ้า 90-130 kV, ค่าพารามิเตอร์ของกล้องดิจิทัล F=4.0 และ t=2.0, 2.5, 3,2s วางขวดสารละลายหน้าฉากเรืองรังสี และเก็บบันทึกภาพรังสีด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อหาค่าสัมประสิทธิ์การลดทอนพลังงานของเอกซเรย์ ผลการวิจัยพบว่า เมื่อแรงดันไฟฟ้ามากขึ้น จะทำให้ค่าสัมประสิทธิ์การลดทอนพลังงานของเอกซเรย์มีค่าลดลง และเมื่อสารละลายมีความเข้มข้นมากขึ้น ค่าสัมประสิทธิ์การลดทอนพลังงานของเอกซเรย์มีมากขึ้นเช่นกัน สรุปผลการวิจัย ความสัมพันธ์ระหว่างพารามิเตอร์เครื่องกำเนิดเอกซเรย์ และกล้องดิจิทัล จะต้องเลือกพารามิเตอร์ให้เหมาะสมกับค่าสัมประสิทธิ์การลดทอนพลังงานของเอกซเรย์ และกระบวนการนี้สามารถสร้างภาพทางรังสี และสามารถนำไปประยุกต์ในเทคนิครูปแบบอื่นในอนาคตได้มากขึ้น</p> พณพณ สาวิโรจน์, ญาณิศา แสนใจวุฒิ, วนัชพร เผื่อแผ่, สุประวีณ์ พาลึก ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/256907 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การยกระดับมูลค่าสินค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์กาแฟ และชาดอกกาแฟท้องถิ่น วิสาหกิจชุมชนน้ำหนาวอาราบิก้า จังหวัดเพชรบูรณ์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/257022 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความต้องการยกระดับมูลค่าสินค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และ 2) สร้างเครื่องมือยกระดับมูลค่าสินค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์กาแฟและชาดอกกาแฟท้องถิ่นวิสาหกิจชุมชนน้ำหนาวอาราบิก้า จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี ระหว่างการวิจัยเชิงคุณภาพ ด้วยวิธึการสนทนากลุ่ม จากสมาชิกกลุ่มผู้นำของวิสาหกิจชุมชนน้ำหนาวอาราบิก้า จำนวน 5 คน และทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์เนื้อหา และการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างเครื่องมือเพื่อยกระดับมูลค่าสินค้าและนวัตกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์กาแฟและ ชาดอกกาแฟท้องถิ่น และประเมินความเหมาะสมของโดยสมาชิกวิสาหกิจชุมชนน้ำหนาวอาราบิก้า จำนวน 15 คน ด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ความต้องการในการยกระดับมูลค่าสินค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์กาแฟและชาดอกกาแฟท้องถิ่น ได้แก่ (1) นวัตกรรมที่แปลกใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์กาแฟและชาดอกกาแฟ (2) นวัตกรรมที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ (3) นวัตกรรมที่ผลิตได้ด้วยคนเดียว (4) จำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟและชาดอกกาแฟในราคาที่สูงขึ้น (5) นำไปต่อยอดได้ (6) นำไปเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวได้ (7) สร้างอาชีพให้กับสมาชิกได้ และ 8) จัดโปรแกรมการท่องเที่ยวโดยชุมชน และ 2) การสร้างเครื่องมือยกระดับมูลค่าสินค้าด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับผลิตภัณฑ์กาแฟและชาดอกกาแฟท้องถิ่น ได้แก่ นวัตกรรมเครื่องอัดกาแฟบอลแบบฟันเฟืองใช้มือโยก และสมาชิกวิสาหกิจชุมชนน้ำหนาวอาราบิก้ามีความพึงพอใจต่ออยู่ในระดับมาก</p> ฉันทนา ปาปัดถา, เมทิกา พ่วงแสง, ปาริชาติ ช้วนรักธรรม, สิริรัตน์ พานิช, นภาพร ภู่เพ็ชร์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/257022 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาชุดดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อประชาสัมพันธ์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เรื่องโรคอ้วน กลุ่มงานบริการสุขภาพและอนามัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/257462 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อประชาสัมพันธ์บนแพลตฟอร์มออนไลน์เรื่องโรคอ้วน 2) ประเมินคุณภาพชุดดิจิทัลคอนเทนต์ที่พัฒนาขึ้น 3) ประเมินผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่าง 4) ประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อชุดดิจิทัลคอนเทนต์ที่พัฒนาขึ้น เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) ชุดดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อประชาสัมพันธ์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เรื่องโรคอ้วน กลุ่มงานบริการสุขภาพและอนามัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี 2) แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและด้านสื่อการนำเสนอ 3) แบบประเมินผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่าง 4) แบบประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ กลุ่มบุคคลทั่วไปที่กดติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจ “KMUTT Health Care Unit” จำนวน 50 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ใช้การคำนวณหาค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการพัฒนาประกอบด้วยชุดดิจิทัลคอนเทนต์จำนวน 4 ชุด ได้แก่ สื่อโปสเตอร์อินโฟกราฟิกหัวข้อ “โรคอ้วนคืออะไร?”, “How to ป้องกันโรคอ้วน”, “IF ช่วยลดความอ้วนจริงไหม” สื่อแอนิเมชัน หัวข้อ “Mission หุ่นเป๊ะ ด้วยท่าง่าย ๆ” หลังจากนั้นจึงนำไปประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า 2) มีผลการประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาอยู่ในระดับดีมาก ด้านสื่อการนำเสนออยู่ในระดับดี 3) ผลการประเมินการรับรู้ และ 4) ความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับมากที่สุด </p> พรปภัสสร ปริญชาญกล, กุลธิดา ธรรมวิภัชน์, ภากมล จิรรัตนะชัย, สุปรียา งิ้วราย, อารียา แก้วผลึก ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/257462 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาชุดดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อประชาสัมพันธ์ปฏิทินกิจกรรมเสริมหลักสูตรภาคบังคับสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีบนเมตาเวิร์ส https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/257463 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาชุดดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อประชาสัมพันธ์ปฏิทินกิจกรรมเสริมหลักสูตรภาคบังคับสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีบนเมตาเวิร์ส 2) ประเมินคุณภาพชุดดิจิทัลคอนเทนต์ 3) ประเมินผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่าง และ 4) ประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) ชุดดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อประชาสัมพันธ์ปฏิทินกิจกรรมเสริมหลักสูตรภาคบังคับสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีบนเมตาเวิร์ส 2) แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและด้านสื่อการนำเสนอ 3) แบบประเมินผลการรับรู้ 4) แบบประเมินความพึงพอใจ โดยกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด จำนวน 50 คน มาจากการเลือกแบบสุ่มแบบบังเอิญ จากสมาชิกที่ติดตามเพจ เฟซบุ๊กองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ที่ยินดีตอบแบบสอบถาม ซึ่งผลการวิจัยพบว่า 1) ได้พัฒนาชุดดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อประชาสัมพันธ์ปฏิทินกิจกรรมเสริมหลักสูตรภาคบังคับสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีบนเมตาเวิร์ส ประกอบด้วยสื่อโปสเตอร์อินโฟกราฟิกจำนวน 5 ชิ้น และคลิปวิดิทัศน์จำนวน 5 คลิป หลังจากนั้นจึงนำสื่อไปให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินคุณภาพ 2) ผลประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ ผลการวิจัยพบว่า มีผลประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาอยู่ในระดับดีมาก ด้านสื่อการนำเสนออยู่ในระดับดี 3) ผลการประเมินด้านการรับรู้ และ 4) ผลการประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับมากที่สุด</p> กุลธิดา ธรรมวิภัชน์, พรปภัสสร ปริญชาญกล, ปิยนุช พื้นบาท, ภัทรวดี โกนกระโทก, พงษ์พัชรินทร์ พุธวัฒนะ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/257463 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนานวัตกรรมท่องเที่ยวเสมือนจริง ผ่านเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส กรณีศึกษาพิพิธภัณฑ์ลื้อลายคำ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/258377 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยวเสมือนจริงผ่านเทคโนโลยีเมตาเวิร์สพิพิธภัณฑ์ลื้อลายคำ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย และ 2) ประเมินประสิทธิภาพของนวัตกรรม โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การท่องเที่ยวและการตลาดจำนวน 9 คน โดยการคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่แบบประเมินประสิทธิภาพนวัตกรรม สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) พัฒนานวัตกรรมการท่องเที่ยวเสมือนจริงผ่านเทคโนโลยีเมตาเวิร์สพิพิธภัณฑ์ลื้อลายคำ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายพบว่า นวัตกรรมสามารถนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ ได้แก่ ประวัติความเป็นมาของชาวไทลื้อ วิถีชีวิต องค์ความรู้เกี่ยวกับผ้าทอของชาวไทลื้อลวดลายต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน รวมถึงการสร้างบรรยากาศในการเยี่ยมชมด้วยเสียงเพลงที่แสดงอัตลักษณ์ของชาวไทลื้อ และสามารถเชื่อมต่อกับระบบสั่งซื้อสินค้าลื้อลายคำของชุมชนผ่านระบบออนไลน์ได้โดยสามารถเข้าถึงได้ผ่านแพลตฟอร์ม Spatial.io 2) การประเมินประสิทธิภาพของนวัตกรรม พบว่าโดยภาพรวมนวัตกรรมมีประสิทธิภาพในระดับมาก ( =4.49, S.D.=0.59) โดยเฉพาะในด้านการยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวชุมชนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายมีค่าเฉลี่ยสูงสุด ( =5.00, S.D.=0.00)</p> พึงพิศ พิชญ์พิบุล, จักรี พิชญ์พิบุล, อังศนา พงษ์นุ่มกูล, วีนารัตน์ แสวงกิจ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/258377 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 FACTORS EFFECTING STUDENTS’ INTENTION USING VISUAL COMMUNICATION DESIGN TECHNOLOGY: TECHNOLOGY ACCEPTANCE MODEL AT QINGDAO HARBOR VOCATIONAL AND TECHNICAL COLLEGE, CHINA https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/256145 <p>This study explores the factors influencing students' intention to use the Technology Acceptance Model (TAM) in the context of visual communication design technology. The research employs TAM as a theoretical framework to analyze the key variables that affect students' intention to adopt visual communication design technologies. The objectives of this study are 1) to examine students’ behavioral intention, 2) to investigate students’ use of the TAM, and 3) to pinpoint the elements that influence students' desire to employ the TAM. We used a quantitative research approach, administering a structured questionnaire to a sample of 226 students to collect data. A Cronbach's alpha coefficient of 0.97 confirmed the overall reliability of the instrument. Statistical analyses included descriptive statistics, correlation analysis, and multiple regression analysis.</p> <p>The results indicate that both perceived usefulness and perceived ease of use significantly influence students’ behavioral intention to use the TAM. We propose strategic recommendations based on these findings to optimize the integration of technology within educational settings. By enhancing students' engagement with the TAM framework, educational institutions can foster a more dynamic and effective learning environment that maximizes the benefits of technology adoption.</p> Wang Yongchun, Patima Rungruang ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/256145 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700 THE DEVELOPMENT OF INSTRUCTIONAL MEDIA IN BOARD GAME TO ENHANCE THE CAPABILITY OF CRITICAL AND COLLABORATIVE SKILLS IN IT STUDENTS OF SOUTHEAST BANGKOK UNIVERSITY https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/256159 <p>The rapid advancement of technology necessitates innovative educational approaches, especially in IT education. This study has the following objectives: 1) to design and develop an instructional board game aligning with Thai IT undergraduate curriculum and learning outcomes; 2) to assess its effectiveness in enhancing critical thinking, problem-solving, and collaborative skills; and 3) to evaluate both student and educator perceptions of board games as a practical, engaging tool in IT learning. The board game simulates real-world IT project management scenarios grounded in constructivist learning theory to foster problem-solving, strategic planning, collaboration, and decision-making skills. The population comprised Thai IT undergraduate students, with a sample of 159 participants selected through random sampling. The research tools included the developed board game, as well as pre-game and post-game surveys that assessed critical skills. Statistical analysis and participant feedback were used to evaluate the game’s effectiveness. Results indicated significant improvements in critical thinking, problem-solving, and collaboration skills, aligning with the research objectives. The study concludes that board games are effective instructional media for enhancing essential skills in IT education and recommends their integration into curricula to prepare students for industry challenges.</p> <p> </p> Thitikorn Suthiapa, Verathian Khianmeesuk, Nantarat Klinhom, Chariya Sricharoon ลิขสิทธิ์ (c) 2025 มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/JSCI/article/view/256159 Mon, 30 Jun 2025 00:00:00 +0700