https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/ScienceRERU/issue/feed วารสารมหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด: วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2024-11-19T23:38:09+07:00 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พูนสุข จันทศิลป์ science101@reru.ac.th Open Journal Systems <p>วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รับตีพิมพ์บทความ ในสาขาวิชาฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ชีวเคมี จุลชีววิทยา เทคโนโลยีชีวภาพ เกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์การอาหาร วิทยาศาสตร์ชีวภาพ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ วิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี (ไฟฟ้าและอิเลคทรอนิกส์) และสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง</p> https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/ScienceRERU/article/view/254693 การพัฒนาผลิตภัณฑ์สังขยาใบเตยเพื่อสุขภาพ 2024-06-26T14:49:57+07:00 ลัดดาวัลย์ กงพลี laddawan.kong@vru.ac.th ปัทมาภรณ์ เจริญนนท์ pattamaporn@vru.ac.th <p>การพัฒนาสังขยาใบเตยเพื่อสุขภาพโดยการแทนที่ด้วยกะทิธัญพืชสูตรที่ได้รับยอมรับทางประสาทสัมผัสจากกลุ่มตัวอย่างสูงสุดคือสูตรที่ 3 โดยมีส่วนผสมประกอบด้วย กะทิธัญพืช 20 มิลลิลิตร กะทิสด 20 มิลลิลิตร ไข่ไก่ 14 กรัม น้ำใบเตย 24 มิลลิลิตร น้ำตาล 18 กรัม และแป้งข้าวโพด 4 กรัม จะทำให้ได้สังขยาสีเขียวแกมเหลือง โดยมาจากสีของน้ำใบเตยและน้ำมันรำข้าวที่เป็นส่วนประกอบของกะทิธัญพืช และมีค่าความเป็นกรด-เบส อยู่ในช่วง 6-9 ซึ่งจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาที่เก็บรักษา ทั้งนี้ควรเก็บไว้ในตู้เย็นไม่เกิน 7 วัน ความหนืดและปริมาณน้ำอิสระส่งผลต่อการคงตัวของสังขยา การศึกษาคุณภาพทางจุลินทรีย์พบว่ามีปริมาณจุลินทรีย์รวมน้อยกว่า 1x10<sup>6</sup> CFU/g และพบเชื้อ <em>Escherichia coli </em>น้อยกว่า 3 MPN/g ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานอาหารด้านจุลินทรีย์ที่ทำให้ก่อนโรค ด้านคุณค่าทางโภชนาการพบว่า ให้ค่าพลังงาน 239.63 กิโลแคลอรี่ มีวิตามินอี และโพแทสเซียมสูงกว่าสูตรควบคุม นอกจากนี้ยังพบว่ามีปริมาณไขมันอิ่มตัวต่ำกว่าสูตรควบคุมซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคในการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคระบบหัวใจและหลอดเลือดได้</p> 2024-09-04T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/ScienceRERU/article/view/254843 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับอาการไม่พึงประสงค์จากการรับสัมผัสความร้อน ของพนักงานอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์แห่งหนึ่ง 2024-07-14T22:43:29+07:00 ชลลดา พละราช chonlada.pa@vru.ac.th อรวรรณ ชำนาญพุดซา Orawan.cham@vru.ac.th จิราพร แจ้งสนอง Namfonjiraporn9@gmail.com เบญจมาศ มีทวี parnbenjamas@gmail.com <p>การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาแบบเชิงพรรณนาแบบภาคตัดขวางมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่ออาการไม่พึงประสงค์จากความร้อนของพนักงานที่รับสัมผัสความร้อนโรงงานผลิตยางรถยนต์แห่ง จำนวน 146 คนดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลของอาสาสมัครโดยใช้แบบสอบถาม วิเคราะห์ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับอาการไม่พึงประสงค์จากความร้อนโดยใช้การทดสอบไคสแควร์ <br />ผลการศึกษา พบว่า พนักงานอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย ร้อยละ 79.45 อายุเฉลี่ย 34.36 ปี มีประสบการณ์ทำงานเฉลี่ย 5.01 ปี ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 57.31 ความรู้เรื่องความปลอดภัยในการทำงานระดับน้อย ร้อยละ 54.11 ผลการศึกษาความสัมพันธ์ พบว่า เพศ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ประสบการณ์ทำงาน และความรู้เรื่องความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับความร้อนมีความสัมพันธ์กับอาการไม่พึงประสงค์จากความร้อนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p&lt;0.05) ดังนั้น สถานประกอบกิจการควรมีการอบรมให้ความรู้กับพนักงานในเรื่องของการทำงานกับความร้อนและการป้องกันตนเองจากการรับสัมผัสความร้อน การกำหนดกฎระเบียบข้อบังคับห้ามดื่มแอลกอฮอล์ในขณะปฏิบัติงาน และควรมีการกำกับให้พนักงานปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ตลอดจนการจัดให้มีระยะเวลาพักในระหว่างการปฏิบัติงาน</p> 2024-09-05T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/ScienceRERU/article/view/254405 ประสิทธิภาพของสารกลุ่มฟลาโวนอยด์จากต้นสักขีต่อการต้านเชื้อ Escherichia coli TISTR 527 2024-06-07T14:31:32+07:00 อุไรวรรณ ศรีพนา uraiwan_s49@yahoo.com อภิญญา รัตนางาม rattanangam41@gmail.com สุภาวดี อัญญโพธิ์ supawadeeanyapo@gmail.com ปริ่มมาลา ขำคมเขตต์ primmala_k@reru.ac.th ปิยะนุช ภูทองขาว piyanut@reru.ac.th <p>การแยกสารสำคัญจากส่วนสกัดหยาบเมทานอลของลำต้นสักขี ด้วยเทคนิคทางโครมาโทกราฟี ได้สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ที่มีการรายงานโครงสร้างแล้ว จำนวน 4 สาร ได้แก่ pinocembrin<strong> (</strong><strong>I), </strong>naringenin<strong> (II), </strong>biochanin A<strong> (III), </strong>และ sativanone<strong> (IV)</strong> และวิเคราะห์โครงสร้างทางเคมีของสารทั้งหมดด้วยเทคนิคทางสเปกโทรสโกปี IR, <sup>1</sup>H และ <sup>13</sup>C NMR นำสารบริสุทธิ์ทั้งหมดที่แยกได้มาศึกษาฤทธิ์การต้านเชื้อแบคทีเรียต่อเชื้อ <em>Escherichia coli </em>TISTR 527 ด้วย broth dilution assay และหาค่าความเข้มข้นต่ำสุดที่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ (MIC) และฆ่าเชื้อ (MBC) ผลการศึกษาพบว่า pinocembrin<strong> (</strong><strong>I)</strong> สามารถต้านเชื้อได้ดีที่สุด มีค่า MIC และ MBC เท่ากับ 17.19 และ 137.5 <em>µ</em>g/mL ตามลำดับ</p> <p><strong> </strong></p> 2024-09-05T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/ScienceRERU/article/view/255991 The Impact of Digital Technology on Vocabulary Knowledge and English Listening Skills 2024-11-11T16:25:00+07:00 Pisit Pinitsakul pisit_pinitsakul@hotmail.com Atjana Noibuddee netting.an@gmail.com Taklaew Klaewkla Tk_more@gmail.com Wanida Thapankaew wendyswanida@npu.ac.th <p> </p> <p>This research aimed to investigate 1) English vocabulary knowledge, 2) English sentence listening skills, 3) the relationship between vocabulary knowledge and listening skills, 4) the influence of vocabulary knowledge on listening skills among English major students, and 5) the role of technology and digital tools in enhancing vocabulary knowledge and listening skills. 6) To investigate the correlation between technology usage behavior and English vocabulary knowledge among English major students. The sample consisted of 200 undergraduate students majoring in English from the Faculty of Education and Human Development at Roi Et Rajabhat University. The research instruments included English vocabulary tests including 15 items with item difficulty between 0.51 to 0.73, item discrimination between 0.22 to 0.45, and reliability at 0.67 using KR 20, and listening skills tests included 15 items difficulty between 0.37 to 0.70, item discrimination between 0.24 to 0.38, and reliability at 0.72 using KR 20 , and questionnaires regarding the use of technology in learning English containing 21 items with Cronbach’s Alpha at 0.76. The statistical methods used for data analysis were mean, standard deviation, percentage, Pearson correlation, and simple regression analysis.</p> 2024-12-13T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/ScienceRERU/article/view/255822 การพัฒนาเครื่องบีบเมล็ดมะเขือเทศเชอรี่โดยใช้ลูกกลิ้งคู่แบบผิวขรุขระ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในวิสาหกิจชุมชน 2024-10-25T00:06:15+07:00 นายอานนท์ มุงวงษา Anon@gmail.com โชคดี ปัดนา chokdeepatna@gmail.com <p>งานวิจัยนี้เป็นการพัฒนาเครื่องบีบเมล็ดมะเขือเทศเชอรี่ โดยใช้ลูกกลิ้งคู่แบบผิวขรุขระเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในวิสาหกิจชุมชน โดยเครื่องดังกล่าวใช้ลูกกลิ้งคู่แบบผิวขรุขระและขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับส่งกำลังผ่านสายพานไปยังมู่เลย์ของลูกกลิ้งเพื่อทำการบีบเมล็ดมะเขือเทศออกจากผลการศึกษานี้ได้เปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างการใช้เครื่องบีบเมล็ดมะเขือเทศที่ได้พัฒนาขึ้นกับเครื่องบีบเมล็ดมะเขือเทศแบบเดิม โดยทำการทดลองกับมะเขือเทศเชอรี่ 3 ขนาด ได้แก่ 1, 1.5 และ 2 เซนติเมตร ตามลำดับ ผลการทดลอง พบว่าเครื่องบีบเมล็ดมะเขือเทศที่ได้พัฒนาขึ้นสามารถประหยัดเวลาในการบีบเมล็ดมะเขือเทศได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องบีบเมล็ดมะเขือเทศแบบเดิมจึงสามารถสรุปเวลาการทดลองดังนี้ มะเขือเทศขนาด 1, 1.5 และ 2 เซนติเมตร อย่างละ 1 กิโลกรัม ใช้เวลา 1.8 วินาที, 1.12 วินาที และ 1.14 วินาที ตามลำดับ ในขณะที่ใช้เครื่องบีบมะเขือเทศแบบเดิม ใช้เวลา 2.15 วินาที, 2.20 วินาที และ 2.40 วินาที ตามลำดับ ประสิทธิภาพเครื่องบีบเมล็ดมะเขือเทศที่ได้พัฒนาขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องบีบเมล็ดมะเขือเทศแบบเดิมคิดเป็นร้อยละ16.28, 49.09 และ 52.50 เปอร์เซ็นต์</p> 2024-12-16T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/ScienceRERU/article/view/256748 พัฒนาชุดทดลองการเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์อย่างง่ายจากท่ออลูมิเนียม 2024-11-19T23:38:09+07:00 สหัสษา พีงาม sahussa.p@ptu.ac.th ภูริต ควินรัมย์ quinram@hotmail.com ยุทธพันธ์ คำวัน keanolimput@gmail.com สรรเพชญ นิลผาย s.nilphai@reru.ac.th ภาสกร เดชโค้น patsakorn1204@gmail.com <p>การเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์เป็นเนื้อหาที่สำคัญทางฟิสิกส์ซึ่งเครื่องมือทดลองมีราคาค่อนข้างสูง การพัฒนาชุดทดลองการเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์อย่างง่ายจึงมีความสำคัญอย่างมาก การวิจัยนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาชุดทดลองการเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์อย่างง่ายจากท่ออลูมิเนียมและทดสอบสรรถนะของชุดทดลองการเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์ที่ผลิตขึ้น การวิจัยครั้งนี้ใช้ท่ออลูมิเนียมในการผลิตโดยพัฒนาให้มีคุณสมบัติการปรับตำแหน่งการยิงได้หลายระดับ และสามารถปรับระดับความสูงได้สำหรับการศึกษาการเคลื่อนที่แบบวิถีโค้ง การทดสอบสรรถนะของชุดทดลองการเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์ทำการทดสอบโดยการหาค่าคงที่ของสปริงที่ใช้ในการยิงและหาความเร็วต้นของวัตถุที่เคลื่อนที่ออกจากปลายท่อ ผลการทดสอบพบว่าค่าคงที่ของสปริงเฉลี่ยเท่ากับ 128.28 <u>+</u> 0.006 N/m และผลการทดสอบความเร็วต้นของวัตถุที่เคลื่อนที่ออกจากปลายท่อมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.32<u>+</u> 0.01 m/s และ 3.83 <u>+</u> 0.02 m/s ตามลำดับ เมื่อทำการแปรค่าความแรงในการยิงที่ระดับความสูงเดียวกันระยะทางที่วัตถุตกในแนวระดับมีค่าเพิ่มขึ้น ชุดทดลองนี้สามารถปรับตำแหน่งการยิงได้อย่างแม่นยำและยังมีราคาต้นทุนที่ต่ำกว่าชุดทดลองมาตรฐานในท้องตลาด ผลการวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาเครื่องมือการทดลองการเคลื่อนที่แบบโปรเจคไทล์ที่มีประสิทธิภาพ คุ้มค่าในด้านต้นทุนและสามารถส่งเสริมการพัฒนาในสถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนทางฟิสิกส์ได้</p> 2024-12-20T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2024 คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด