การเคลื่อนตัวด้านข้างของดินลมหอบขอนแก่น

ผู้แต่ง

  • Wisitkitjakan นักศึกษา หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
  • Nuntasarn รองศาสตราจารย์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

คำสำคัญ:

การเคลื่อนตัวในแนวราบ , อัตราส่วนระหว่างการเคลื่อนตัวในแนวราบกับการเคลื่อนตัวแนวดิ่ง

บทคัดย่อ

ดินลมหอบในมหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นดินเกิดจากการผสมกันระหว่างดินตะกอนและดินเหนียวเมื่ออยู่ในสภาพแห้งสามารถรับน้ำหนักได้ดีแต่เมื่อปริมาณความชื้นเพิ่มขึ้นกำลังรับน้ำหนักจะลดลงและเกิดการพังทลายอย่างฉับพลันเมื่อนำมาใช้ในงานก่อสร้างจึงจะต้องคำนึงถึงการเคลื่อนตัวที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งในแนวราบและแนวดิ่งซึ่งในส่วนของงานวิจัยนี้เป็นการศึกษาการเคลื่อนตัวในแนวราบและอัตราส่วนระหว่างการเคลื่อนตัวในแนวราบกับการเคลื่อนตัวแนวดิ่ง ()ของดินลมหอบขอนแก่นในสนาม ภายใต้สภาพแห้งและเปียก โดยใช้เครื่องวัดการเคลื่อนตัวในแนวราบ (Inclinometer Spiral)  ใช้ในการวัดการเคลื่อนตัวในแนวราบทุกๆความลึก 0.5 เมตร จนถึงที่ความลึก 6 เมตร เริ่มแรกติดตั้งท่อวัดการเคลื่อนตัวในแนวราบ (Inclinometer tube) ความยาว 6 เมตร จำนวน 4 ท่อ (ที่ความยาว 4 เมตร วางในชั้นดินลมหอบและที่ความยาว 2 เมตร ฝังในชั้นดินลูกรัง) จากนั้นขุดหลุม 2 หลุม ห่างจากท่อวัดการเคลื่อนตัวในแนวราบ (Inclinometer tube) 0.5 เมตร โดยหลุมแรกมีขนาด 2.0 x 2.0 x 1.2 เมตร ใช้เพื่อติดตั้งฐานราก ส่วนหลุมที่ 2 ถูกขุดในแนวดิ่งลึก 4.5 เมตร จากนั้นจึงให้น้ำหนักบรรทุกผ่านฐานรากขนาด 1.2 x 1.2 x 0.25 เมตร ซึ่งวางที่ระดับ 1.2 เมตร จากผิวดิน ผลการศึกษาพบว่าการทรุดตัวที่เกิดขึ้นภายใต้ความเค้น 20 ตัน / ตารางเมตร มีค่าเท่ากับ 10.66 และ 75.38 มิลลิเมตร ภายใต้สภาพแห้งและเปียก ตามลำดับ โดยความชื้นในสภาพแห้งและเปียกมีค่าเท่ากับ 5.8 และ 20.4 ตามลำดับ นอกจากนี้การเคลื่อนตัวในแนวราบมีค่ามากที่สุดที่ความลึก 1.5 เมตร จากผิวดินซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับที่ฐานรากวางอยู่ 0.3 เมตร แต่การเคลื่อนตัวในแนวราบที่ความลึก 4.0 ถึง 6.0 เมตร มีค่าค่อนข้างคงที่ เนื่องจากท่อวัดการเคลื่อนตัวในแนวราบ (Inclinometer tube) อยู่ในชั้นดินลูกรังทั้งในสภาพแห้งและเปียก การเคลื่อนตัวในแนวราบสูงสุดภายใต้ความเค้น 20 ตัน / ตารางเมตร คือ 4.47 มิลลิเมตร ในสภาพแห้ง และ 17.51 มิลลิเมตร ในสภาพเปียก ผลจากการทดสอบแสดงให้เห็นว่า การเคลื่อนตัวในแนวราบที่สภาพเปียกมีค่ามากกว่าที่สภาพแห้งประมาณ 3 – 4 เท่า นอกจากนี้ ()ของสภาพเปียกสูงกว่าสภาพแห้ง โดย () สูงสุดซึ่งเกิดขึ้นในสภาพเปียก คือ 0.518 และ อัตราส่วนระหว่างการเคลื่อนตัวในแนวราบกับการเคลื่อนตัวแนวดิ่ง () ที่วิบัติในสภาะเปียก คือ 0.390 ส่วน () สูงสุดในสภาพแห้งมีค่าเท่ากับ 0.419

เอกสารอ้างอิง

Thasnanipan N, et al. Wall movement induced by underground structure construction. The 12th National Convention on Civil Engineering, Amarin Lagoon Hotel, Phitsanulok, 2-4 May 2007. Thai.

Udomchoke. Origin and Enginerring Characteristics of the Problem Soil in the Khorat Basin. Northeastern Thailand. Ph.D. dissertarion. Asian Institue of Technology. Bangkok, Thailand,1991. Thai.

Sivapriya SV, Gandhi SR. Effect of lateral movement of soil in Diaphragm wall-A case Study Effect of lateral movement of soil in Diaphragm wall - A case Study. 2018;(December).

Thongpong R. The Behavior of Shallow Foundation Size on Khon Kaen Loess [MEng thesis]. Khon Kaen: Khon Kaen University; 2020. Thai.

Piyasawat K. A Study of Shallow Foundation Khon Kaen Loess Various Depth by Field and Laboratory Tests [MEng thesis]. Khon Kaen: Khon Kaen University; 2020. Thai

Balasubramaniam1 AS, Phienwej N, Gan CH, Oh YN. Piled Foundations and Basement Excavations for Tall Buildings in Bangkok Subsoils. In: Malaysian Geotechnical Conference, January 2004, pp. 1-19.

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

2022-04-23

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย