Purification of non-peptide compounds from Bacillus amyloliquefaciens that inhibit Burkholderia pseudomallei (การเตรียมสารที่ไม่ใช่เปปไทด์จาก Bacillus amyloliquefaciens ที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ Burkholderia pseudomallei ให้บริสุทธิ์)

Abstract

Bacillus amyloliquefaciens N2-4 and N3-8 were isolated from soil and their secondary metabolites showed inhibition activity against Burkholderia pseudomallei and other pathogens. In this study, the non-peptide compounds with antimicrobial activity were absorbed from bacterial culture supernatant using non-polar resins. The MICs of the crude compounds against B. pseudomallei was less than 0.01 mg/mL, 0.09-0.37 for Escherichia coli and 0.05-0.75 for Staphylococcus aureus. After purified by solid phase extraction, the factions eluted by 80 and 100% methanol from N2-4 were active against B. pseudomallei, E. coli and S. aureus. Compounds from N3-8 also gave similar result excepted that they had lost their activity against S. aureus. There should be at least two different compounds produced by strain N3-8 and N2-4 that can inhibit these pathogens. Further purification and characterization of these compounds may lead us to discover some new drugs against B. pseudomallei and other pathogens.

 จากการแยก Bacillus amyloliquefaciens N2-4 และ N3-8 จากดิน พบว่าสามารถผลิตสาร เมแทบอไลท์ ทุติยภูมิที่ยับยั้งเชื้อ Burkholderia pseudomallei และเชื้อแบคทีเรียก่อโรคอื่นๆ ในการศึกษานี้ ได้แยกสารที่ไม่ใช่เปปไทด์ ที่มีความสามารถในการต้านเชื้อจุลชีพโดยใช้เรซินที่ไม่มีขั้วดูดซับจากอาหารเลี้ยงเชื้อ สารที่ได้เมื่อหาค่าความเข้มข้นต่ำ สุด ที่สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อ B. pseudomallei พบว่ามีค่าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.01 มก./มล. และ 0.09-0.37 มก./มล. เมื่อทดสอบกับ Escherichia coli และ 0.05-0.75 มก./มล. เมื่อทดสอบกับ Staphylococcus aureus หลังจากทำให้สารบริสุทธิ์ต่อโดยใช้การชะออกจากตัวดูดซับที่เป็นของแข็ง  พบว่าสารจาก N2-4 ที่ได้จากการสกัดด้วย เมทานอล  80 และ 100%  มีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ B. pseudomallei, E. coli และ S. aureus สารจาก N3-8 ให้ผลเช่นเดียวกัน ยกเว้นไม่พบความสามารถในการยับยั้ง S. aureus  ดังนั้นจึงน่าจะมีสารที่ต่างกันอย่างน้อยสองชนิด ที่สร้างจาก B. amyloliquefaciens N3-8 และ N2-4 ที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อก่อโรคเหล่านี้ การทำให้บริสุทธิ์ และศึกษาคุณสมบัติของสารดังกล่าวอาจจะทำให้สามารถค้นพบยาตัวใหม่ที่ใช้ในการรักษา B. pseudomallei และเชื้อ ก่อโรคอื่นๆ ได้ต่อไป