วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal <p> วารสารวิชาการ “การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม” (Journal of Technology Management Rajabhat Maha Sarakham University) เป็นวารสารที่ตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัย บทความวิชาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอบทความทางวิชาการและบทความวิจัยที่มีคุณภาพ ที่แสดงถึงประโยชน์ทั้งเชิงทฤษฎี (Theoretical Contributions) ที่นักวิจัยหรือผู้ที่สนใจสามารถนำไปพัฒนาหรือสร้างองค์ความรู้ใหม่ และประโยชน์ในเชิงปฏิบัติการ (Managerial Contributions) นักวิจัยหรือผู้สนใจนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์หรือต่อยอดการวิจัยที่ครอบคลุมเนื้อหาที่เป็นทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลหรือเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เทคโนโลยีทางการศึกษา และการจัดการเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และเพื่อเป็นแหล่งในการเผยแพร่แลกเปลี่ยนความรู้ แนวคิดและประสบการณ์ทางวิชาชีพของอาจารย์ นักศึกษา และนักวิชาการ ในด้านการจัดการเทคโนโลยี</p> <p> </p> <p><em>ตั้งแต่ปีที่ 8 ฉบับที่ 2 เป็นต้นไป ทางวารสารได้เพิ่มผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อพิจารณาบทความเป็น 3 ท่าน (จากเดิม 2 ท่าน)</em></p> th-TH dr.worapapha@rmu.ac.th (รองศาสตราจารย์ ดร.วรปภา อารีราษฎร์) praphaphan@rmu.ac.th (นางสาวประภาพรรณ จอมคำสิงห์) Fri, 27 Jun 2025 15:44:37 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ส่วนหน้า https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/260054 <p>ส่วนหน้า</p> ผศ.ดร.อภิดา รุณวาทย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/260054 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 การออกแบบและพัฒนาระบบฐานข้อมูลพันธุกรรมพืช และ วัฒนธรรมพื้นถิ่น https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/256442 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สนองพระราชดำริโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) 2) วิเคราะห์และพัฒนาระบบฐานข้อมูลพันธุกรรมพืชและวัฒนธรรมพื้นถิ่น และ 3) ประเมินคุณภาพและความพึงพอใจต่อระบบฐานข้อมูลพันธุกรรมพืช และวัฒนธรรมพื้นถิ่น ด้วยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) ได้แก่ 1) ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน 5 คน 2) กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาความพึงพอใจในการใช้งานระบบฐานข้อมูลฯ จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ระบบฐานข้อมูลฯ ที่พัฒนาขึ้น แบบประเมินคุณภาพ และ แบบสอบถามความพึงพอใจ ต่อระบบฐานข้อมูลฯ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ร้อยละ</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการสนองพระราชดำริโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) โดยได้รายงานผลผ่าน อพ.สธ. มทร. พระนคร <br />2) ผลการวิเคราะห์และพัฒนาระบบฐานข้อมูลพันธุกรรมพืช และวัฒนธรรมพื้นถิ่น ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย ส่วนผู้ใช้งานทั่วไป ส่วนสมาชิก และ ส่วนผู้ดูแลระบบ โดยส่วนผู้ใช้งานทั่วไปสามารถสมัครสมาชิกเพื่อเข้าใช้งานในระบบฐานข้อมูลฯ ได้ ส่วนสมาชิก และ ส่วนผู้ดูแลระบบ สามารถเรียกดูข้อมูลได้ ส่วนผู้ดูแลระบบ สามารถเพิ่ม ลบ แก้ไข ออกรายงานข้อมูลใบงานการสำรวจข้อมูลได้ ในส่วนของการออกแบบระบบฐานข้อมูลประกอบด้วย ตาราง ผู้ใช้งาน ที่อยู่ สิทธิการใช้งาน ข้อมูลพื้นฐานในท้องถิ่น การประกอบอาชีพในท้องถิ่น ข้อมูลด้านกายภาพในท้องถิ่น ประวัติหมู่บ้านชุมชนวิถีชุมชน การใช้ประโยชน์ของพืชในท้องถิ่น การใช้ประโยชน์ของสัตว์ในท้องถิ่น การใช้ประโยชน์ของชีวภาพอื่น ๆ ในท้องถิ่น ข้อมูลภูมิปัญญาในท้องถิ่น ข้อมูลแหล่งทรัพยากรและโบราณคดีในท้องถิ่น และ 3) ผลการประเมินคุณภาพและความพึงพอใจต่อระบบฐานข้อมูลพันธุกรรมพืชและวัฒนธรรมพื้นถิ่น ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />= 4.70, SD. = 0.61) และ (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.70, SD. = 0.61) นอกจากนี้ยังสามารถรองรับข้อมูลจากการสำรวจประมาณการ 1 พื้นที่ต่อปี หรือ จำนวน 200 ชุดข้อมูล</p> ศราวุธ แดงมาก, อนุมาศ แสงสว่าง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/256442 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 ระบบการจองห้องประชุมออนไลน์ กรณีศึกษา : สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/256614 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ออกแบบและพัฒนาระบบการจองห้องประชุมออนไลน์ กรณีศึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) และ 2) ประเมินความพึงใจระบบการจองห้องประชุมออนไลน์ กรณีศึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ใช้งานระบบการจองห้องประชุมออนไลน์ จำนวน 56 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินความพึงพอใจระบบการจองห้องประชุมออนไลน์ กรณีศึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Arithmetic Mean) หรือค่าเฉลี่ย (Mean) และวัดการกระจายของข้อมูลโดยใช้ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ระบบการจองห้องประชุมแบ่งออกแบบ 3 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนสมาชิก ส่วนระบบจัดการจองห้องประชุมตามระดับชั้นยศ และส่วนระบบประเมินความพึงพอใจการใช้ห้องประชุม และ 2) ผู้ใช้งานระบบมีความพึงใจต่อระบบการจองห้องประชุมออนไลน์ กรณีศึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.53 ดังนั้นระบบการจองห้องประชุมออนไลน์ กรณีศึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) เป็นระบบที่สามารถทำให้การจองห้องประชุมของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) มีประสิทธิภาพ โดยผลการประเมินความพึงพอใจในรายด้านประกอบด้วย ด้านความง่ายต่อการใช้งานมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.52 ด้านความสามารถในการใช้งานตามหน้าที่มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.50 และด้านประสิทธิภาพมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.55</p> รุ่งเรือง มุศิริ; เกริกชัย ดีคำ, ประดิษฐ์ อายุวงษ์, ปวีณา ปรีชญากุล, บุญยฤทธิ์ ศรีปาน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/256614 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 ผลการทดลองใช้คู่มือกิจกรรมการเรียนรู้โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการอ่านของผู้เรียน https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/258073 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ผลการศึกษาผลการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เรียนด้วยคู่มือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการอ่านของผู้เรียน 2) ศึกษาพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เรียนด้วยคู่มือ<br />การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านของผู้เรียน 3) ศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียน<br />ที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ของคู่มือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการอ่านของผู้เรียน 4) ศึกษาความพึงพอใจของครูผู้สอนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้ของคู่มือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการอ่านของผู้เรียน และ 5) ศึกษาความเหมาะสมของเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านของผู้เรียนตามขั้นตอนการเรียนรู้ของคู่มือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการอ่านของผู้เรียน กลุ่มเป้าหมายในการวิจัย ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ครูผู้สอนของโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่ใน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 2 จำนวน 8 คน กลุ่มที่ 2 ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่ใน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรปราการ เขต 2 จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่แบบทดสอบวัดผลการเรียนรู้ แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้ แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียน แบบสอบถามความพึงพอใจของครูผู้สอน และแบบสอบถามความเหมาะสมของเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการจัดกิจกรรมและคู่มือ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ผลการทดลองใช้คู่มือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการอ่านของผู้เรียน <br />พบว่า 1) คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2) ผลการศึกษา<br />พฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนจากคู่มือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการอ่านของผู้เรียน <br />พบว่าผู้เรียนแสดงพฤติกรรมระหว่างร้อยละ 26.67 – 100 3) ความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้และคู่มือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการอ่านของผู้เรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( <img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />= 4.74, SD. = 0.45) 4) ความพึงพอใจของครูผู้สอนที่มีต่อกิจกรรมการเรียนรู้และคู่มือการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการอ่านของผู้เรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( <img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />= 4.72, SD. = 0.41) และ 5) ความเหมาะสมของเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านของผู้เรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.62, SD. = 0.44)</p> สัชฌุกร ตันติธนวรพงศ์; วรปภา อารีราษฎร์ อารีราษฎร์, ธรัช อารีราษฎร์, มนต์ชัย เทียนทอง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/258073 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาสื่อด้วยเทคโนโลยีทัวร์เสมือนจริง 360 องศาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/257306 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาสื่อด้วยเทคโนโลยีทัวร์เสมือนจริง 360 องศาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 2) ประเมินคุณภาพสื่อด้วยเทคโนโลยีทัวร์เสมือนจริง 360 องศาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา และ 3) ประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้สื่อด้วยเทคโนโลยีทัวร์เสมือนจริง 360 องศาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 คน และบุคคลทั่วไปที่มาใช้บริการสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินคุณภาพภาพสื่อ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการพัฒนาสื่อด้วยเทคโนโลยีทัวร์เสมือนจริง 360 องศาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวสวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา พบว่า สื่อมีองค์ประกอบ 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนแสดงผลภาพและส่วนแสดงผลข้อมูลสื่อรูปแบบเว็บไซต์ ประกอบด้วย 3 เมนูและทัวร์เสมือนจริงแบ่งออกเป็น 3 สถานที่ คือ ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ปราสาทขอมและหอศรีลำดวนเฉลิมพระเกียรติ โดยสื่อที่พัฒนาขึ้นสามารถให้ข้อมูลมีรายละเอียดที่ชัดเจน 2) ผลการศึกษาคุณภาพของสื่อพบว่า อยู่ในระดับมาก 3) ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้ใช้สื่อ พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด </p> ภาภรณ์ เหล่าพิลัย; ภูวเดช มีสิทธิ์, วิชญา ชัยภา ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/257306 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 การวิเคราะห์และตรวจจับมัลแวร์ด้วยการเรียนรู้เชิงลึก ผ่านโครงข่ายประสาทเทียม https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/257130 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาโมเดลการเรียนรู้เชิงลึกโดยใช้โครงข่ายประสาทเทียมแบบเชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์ (Fully Connected Neural Network: FCNN) สำหรับการตรวจจับและวิเคราะห์มัลแวร์ 2) ศึกษาพฤติกรรมและรูปแบบการโจมตีของมัลแวร์ เช่น บรูทฟอร์ซ ฟิชชิง แรนซัมแวร์ และดีดอส บนข้อมูลจากโปรโตคอลการเข้าถึงระยะไกล (Remote Desktop Protocol: RDP) และซอฟต์แวร์ AnyDesk และ 3) ประเมินประสิทธิภาพและความแม่นยำของโมเดลที่พัฒนาขึ้นในการระบุพฤติกรรมที่ผิดปกติในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ โปรแกรม AnyDesk, โปรโตคอล RDP, TensorFlow, Keras และ Wireshark โดยใช้ตัวชี้วัดทางสถิติ ได้แก่ ค่า Accuracy, Precision, Recall และ F1-score</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) โมเดล FCNN ที่พัฒนาขึ้นสามารถตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติจากข้อมูลที่ได้จากโปรโตคอล RDP และ AnyDesk ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีค่า Accuracy สูงสุดถึง 91.49% 2) ผลการประเมินประสิทธิภาพจากชุดข้อมูลทดสอบ พบว่าโมเดลมีค่า Precision 95.45%, Recall 87.50% และ F1-score 91.30% ซึ่งแสดงถึงความสมดุลระหว่างความแม่นยำในการตรวจจับและอัตราการแจ้งเตือนผิดพลาดที่ต่ำ และ 3) โมเดลสามารถวิเคราะห์และตรวจจับพฤติกรรมการโจมตีของมัลแวร์แต่ละประเภทได้อย่างแม่นยำ เช่น การโจมตีแบบบรูทฟอร์ซ ฟิชชิง แรนซัมแวร์ และดีดอส ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ในสภาพแวดล้อมการใช้งานจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> ประวีณ ไม้เกตุ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/257130 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง องค์ประกอบการสื่อสาร สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามรูปแบบการเรียนรู้แบบ MIAP https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/257890 <p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง องค์ประกอบการสื่อสาร ตามรูปแบบการเรียนรู้แบบ MIAP สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 2) ศึกษาความเหมาะสมของบทเรียนออนไลน์ เรื่อง 3) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ของบทเรียนออนไลน์ที่พัฒนาขึ้น และ เรื่อง 4) ศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนที่มีต่อบทเรียนออนไลน์ที่พัฒนาขึ้น เรื่องกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนผึ่งแดดวิทยาคาร จำนวน 30 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม โดยวิธีการจับสลากหน่วยเลือกเป็นหมู่เรียน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ บทเรียนออนไลน์ที่ออกแบบตามแนวคิดทฤษฎี MIAP ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นสร้างความสนใจในปัญหา, ขั้นให้ข้อมูลขั้นประเมินผล, ขั้นตรวจสอบ, ปรับปรุงแบบประเมินความเหมาะสม แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียน สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าประสิทธิภาพ และการทดสอบค่าที (T- test)</p> <p>ผลการศึกษาพบว่า 1) การพัฒนาบทเรียนออนไลน์ เรื่อง องค์ประกอบการสื่อสาร ตามรูปแบบการเรียนรู้แบบ MIAP สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 80.22 / 80.33 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 80/80 2) ความเหมาะสมของบทเรียนออนไลน์ที่พัฒนาขึ้น โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.51, SD. = 0.63) 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนหลังเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนออนไลน์ที่พัฒนาขึ้นสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ 4) ผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อบทเรียนออนไลน์ที่พัฒนาขึ้น โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.80, SD. = 0.41)</p> บัณฑิตา สครรัมย์, วงศ์ตะวัน ยุระพันธ์ , สุรจักษ์ พิริยะเชิดชูชัย ; ลาวัณย์ ดุลยชาติ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/257890 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการรายงานผลภาวะการมีงานทำของนักศึกษาในหลักสูตรที่มีการจัดการเรียนการสอนแบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/257100 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) วิเคราะห์และออกแบบกระบวนการสำรวจภาวะการมีงานทำของนักศึกษาในหลักสูตรที่มีการจัดการเรียนรู้แบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน 2) พัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการรายงานผลภาวะการมีงานทำของนักศึกษาในหลักสูตรที่มีการจัดการเรียนรู้แบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบสารสนเทศเพื่อการรายงานผลภาวะการมีงานทำของนักศึกษาในหลักสูตรที่มีการจัดการเรียนรู้แบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน กลุ่มเป้าหมาย คือ นักศึกษาในหลักสูตรที่มีการจัดการเรียนรู้แบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน จำนวน 295 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ระบบสำรวจภาวะการมีงานทำและแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน </p> <p>ผลการวิจัย พบว่า 1) ผลการวิเคราะห์และออกแบบกระบวนการสำรวจภาวะการมีงานทำของนักศึกษาในหลักสูตรที่มีการจัดการเรียนรู้แบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา พบว่า การนำระบบไปใช้ในกิจกรรมปัจฉิมนิเทศนักศึกษาศึกษาสหกิจในแต่ละภาคการศึกษา ทำให้สามารถเก็บข้อมูลภาวะการมีงานทำจากนักศึกษาได้ จำนวน 295 คน จาก 315 คน คิดเป็นร้อยละ 93.65 และได้งานหลังออกฝกปฏิบัติงาน จำนวน 101 คน คิดเป็น ร้อยละ 32.06 2) ผลการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการรายงานผลภาวะการมีงานทำของนักศึกษาในหลักสูตรที่มีการจัดการเรียนรู้แบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา พบว่า มีการใช้งานแบ่งตามกลุ่มผู้ใช้ จำนวน 3 กลุ่ม ได้แก่ เจ้าหน้าที่โครงการสหกิจศึกษา นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการสหกิจศึกษาและประธานหลักสูตรที่มีการจัดการเรียนรู้แบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจต่อการใช้งานระบบ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.38, SD. = 0.67) ดังนั้นจึงสรุปผลได้ว่า การนำระบบสารสนเทศเพื่อการรายงานผลภาวะการมีงานทำของนักศึกษาในหลักสูตรที่มีการจัดการเรียนรู้แบบสหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มาใชในสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> <p> </p> วีรอร อุดมพันธ์; ศรายุทธ เนียนกระโทก, แสงเพ็ชร พระฉาย, กฤติกา เผื่อนงูเหลือม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/257100 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 การทำเหมืองข้อมูลเพื่อยกระดับการผลิตและการตลาดสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ป่าครอบครัวต้นผึ้ง ตำบลต้นผึ้ง อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/258448 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาต้นแบบนวัตกรรมแดชบอร์ดการวางแผนกระบวนการผลิตและการตลาดด้วยเหมืองข้อมูล 2) ประเมินประสิทธิภาพต้นแบบนวัตกรรมแดชบอร์ดการวางแผนกระบวนการผลิตและการตลาด ให้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนป่าครอบครัวต้นผึ้ง ตำบลต้นผึ้ง อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ซึ่งจะช่วยยกระดับการวางแผนการผลิตตามปริมาณความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละช่วงเวลาอย่างเหมาะสม วางแผนการตลาด ส่งเสริมการขาย ยกระดับรายได้ รวมถึงสร้างแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค โดยรวบรวมข้อมูลการขายสินค้าของกลุ่มวิสาหกิจด้วย Google Forms นำข้อมูลการขายสินค้ามาวิเคราะห์ด้วยเทคนิคเหมืองข้อมูลตามกระบวนการ CRISP-DM ด้วยโปรแกรม RapidMiner Studio <br />ใช้อัลกอริทึมต้นไม้ตัดสินใจ ในการจำแนกยอดขายออกเป็น 3 คลาส ได้แก่ น้อย ปานกลาง และมาก ผลการทดลองพบว่าประสิทธิภาพของโมเดลต้นไม้ตัดสินใจ อัลกอริทึม ID3 มีค่าความถูกต้องร้อยละ 73.08 นำกฎที่ได้จากโมเดลต้นไม้ตัดสินใจไปใช้เป็นเงื่อนไขในการกรองข้อมูลบนแดชบอร์ดสรุปข้อมูลการขายสินค้าเพื่อใช้วางแผนกระบวนการผลิตและการตลาด และมีผลการประเมินความพึงพอใจต่อแดชบอร์ดภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />= 4.70, ค่า SD. = 0.47)</p> สุพิชญา นิลจินดา, นันทกาญจน์ เกิดมาลัย, มงคล แสนสุข, รุจิรา จงคล้ายกลาง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/258448 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาเว็บเซอร์วิสบริการข้อมูลการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ และสหกิจศึกษาแบบ RESTful API https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/256701 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาเว็บเซอร์วิสบริการข้อมูลสำหรับการฝึกประสบการณ์วิชาชีพและสหกิจศึกษาแบบ RESTful API 2) หาประสิทธิภาพของการเรียกใช้บริการเว็บเซอร์วิสบริการข้อมูลสำหรับการฝึกประสบการณ์วิชาชีพและสหกิจศึกษาแบบ RESTful API และ 3) ศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อเว็บเซอร์วิสบริการข้อมูลสำหรับการฝึกประสบการณ์วิชาชีพและสหกิจศึกษาแบบ RESTful API กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่นักศึกษาวิชาฝึกประสบการณ์วิชาชีพและสหกิจศึกษา จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ 1) แบบประเมินประสิทธิภาพของระบบ 2) แบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อระบบ สถิติที่ใช้คือ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการพัฒนาเว็บเซอร์วิสบริการข้อมูลสำหรับการฝึกประสบการณ์วิชาชีพและสหกิจศึกษา พบว่าส่วนการทำงานประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ ผู้ดูแลระบบ ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Specialist) และผู้ใช้งานระบบ (นักศึกษา) 2) ผลการหาประสิทธิภาพของการเรียกใช้บริการเว็บเซอร์วิสบริการข้อมูลสำหรับการฝึกประสบการณ์วิชาชีพและสหกิจศึกษาแบบ RESTful API พบว่า มีผลการทำงานโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.77) ประกอบด้วยความสามารถของระบบในการแสดงผลลัพธ์ในแต่ละหน้าได้อย่างความถูกต้อง ความถูกต้องของกระบวนการทำงานของระบบ ความเร็วในการทำงานของระบบ ความสะดวกและเหมาะสมในการใช้งาน ความเป็นมาตรฐานเดียวกันของการออกแบบแต่ละหน้าจอ และความปลอดภัยการใช้ระบบด้วยการเข้ารหัสรหัสผ่าน โดยระบบสามารถแสดงผลลัพธ์ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน มีการจำแนกสิทธิ์ของการใช้งานในกรณีเข้าใช้งานปกติและการเข้าใช้งานโดยมีการพิสูจน์ตัวตนในการเข้าสู่ระบบ เพื่อเป็นการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ได้ และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อระบบ พบว่า มีความพึงพอใจโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" />= 4.69) ประกอบด้วย ความเหมาะสมของขนาดตัวอักษร ความเหมาะสมของการใช้สีพื้น และสีตัวอักษร ความเหมาะสมของการใช้ข้อความและภาพในการสื่อความหมาย ความชัดเจนและความเหมาะสมของข้อมูล ความเหมาะสมของการออกแบบและความสวยงาม และมีความสะดวกและการใช้งานง่าย</p> สุรสิทธิ์ ศักดา; วลัยรัชช์ นุ่นสงค์, วาสนา ณ สุโหลง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/256701 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการวางแผนขนส่งทางถนน สำหรับธุรกิจการขนส่งผลิตภัณฑ์ไก่แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป: กรณีศึกษา บริษัท ABC จำกัด https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/258407 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการวางแผนขนส่งทางถนน สำหรับธุรกิจการขนส่งผลิตภัณฑ์ไก่แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป และ 2) ศึกษาประสิทธิภาพการใช้งานระบบสารสนเทศ กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้จัดการ พนักงานฝ่ายวางแผนขนส่ง และพนักงานขับรถขนส่งของบริษัทกรณีศึกษา จำนวน 20 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) ระบบสารสนเทศเพื่อการวางแผนขนส่งทางถนน สำหรับธุรกิจการขนส่ง ซึ่งพัฒนาตามวงจรการพัฒนาระบบ (System Development Life Cycle) โดยใช้ภาษา PHP เป็นหลักในการพัฒนา และใช้ MySQL เป็นระบบจัดการฐานข้อมูล 2) แบบประเมินประสิทธิภาพการใช้งานระบบสารสนเทศ สถิติที่ใช้ คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ระบบสารสนเทศที่พัฒนาขึ้นประกอบด้วยโมดูลสำคัญ ได้แก่ การจัดการพนักงาน รถขนส่ง สินค้า ลูกค้า เส้นทางขนส่ง และการจัดแผนการขนส่ง ซึ่งสามารถบริหารจัดการข้อมูลแผนการขนส่งและรายงานต่าง ๆ ในรูปแบบดิจิทัลได้อย่างถูกต้อง สะดวก และรวดเร็วผ่านอินเทอร์เน็ต และ 2) ประสิทธิภาพการใช้งานระบบสารสนเทศ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( <img src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.51, SD. = 0.53)</p> วิรัช กาฬภักดี; เยาวเรศ กาฬภักดี; จักรพันธ์ จันทร์เขียว, มัจรี สุพรรณ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/258407 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาแอปพลิเคชันพืชสมุนไพรพื้นบ้าน พื้นที่ป่าชุมชนเทศบาลเกาะแก้ว ด้วยเทคนิคการจำแนกข้อมูลด้วยต้นไม้ตัดสินใจ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/258312 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาและรวบรวมข้อมูลพืชสมุนไพรพื้นบ้านพื้นที่ป่าชุมชนเทศบาลเกาะแก้ว 2) ออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันพืชสมุนไพรพื้นบ้านพื้นที่ป่าชุมชนเทศบาลเกาะแก้ว 3) ประเมินประสิทธิภาพแอปพลิเคชันพืชสมุนไพรพื้นบ้านพื้นที่ป่าชุมชนเทศบาลเกาะแก้ว และ 4) ศึกษาความพึงพอใจต่อการใช้งานแอปพลิเคชันพืชสมุนไพรพื้นบ้านพื้นที่ป่าชุมชนเทศบาลเกาะแก้ว กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ 1) ผู้เชี่ยวชาญ ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร จำนวน 6 คน และ 2) กลุ่มผู้ใช้งาน จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แอปพลิเคชันพืชสมุนไพรพื้นบ้านพื้นที่ป่าชุมชนเทศบาลเกาะแก้ว 2) แบบประเมินประสิทธิภาพแอปพลิเคชันพืชสมุนไพรพื้นบ้านพื้นที่ป่าชุมชนเทศบาลเกาะแก้ว และ 3) แบบประเมินความพึงพอต่อการใช้งานแอปพลิเคชันพืชสมุนไพรพื้นบ้านพื้นที่ป่าชุมชนเทศบาลเกาะแก้ว สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการศึกษาและรวบรวมข้อมูลพืชสมุนไพรพื้นบ้าน พื้นที่ป่าชุมชนเทศบาลเกาะแก้ว สามารถจำแนกพืชสมุนไพร จากจำนวนพืชพันธ์ในพื้นที่ป่าชุมชนเทศบาลเกาะแก้วทั้งหมด 57 ชนิด 29 วงศ์ มี 35 ชนิดที่มีสรรพคุณใช้เป็นพืชสมุนไพรได้ โดยแบ่งพืชสมุนไพรตามสรรพคุณการรักษาออกเป็น 8 กลุ่มหลักโดยเทคนิคการจำแนกข้อมูลด้วยต้นไม้ตัดสินใจด้วยอัลกอริธึม C4.5 2) ผลการพัฒนาแอปพลิเคชันพืชสมุนไพรพื้นบ้าน พื้นที่ป่าชุมชนเทศบาลเกาะแก้ว ที่มีการออกแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ (User Interface) ให้ใช้งานง่ายและมีฟังก์ชันการทำงาน ประกอบด้วย 3 ฟังก์ชันหลัก ได้แก่ (1) การระบุอาการ (2) การค้นหา (3) การแสดงรายละเอียดสมุนไพร 3) ผลการประเมินประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันโดยผู้เชี่ยวชาญพบว่ามีคุณภาพอยู่ในระดับดี ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 3.98, SD. = 0.70) <br />เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าด้านด้านการใช้งานและการออกแบบอยู่ในระดับดี ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.17, SD. = 0.63) รองลงมาคือ ด้านเนื้อหาและความถูกต้อง อยู่ในระดับดี ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 3.94, SD. = 0.75) และด้านประโยชน์และการนำไปใช้อยู่ในระดับดี ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 3.83, SD. = 0.73) ตามลำดับ และ 4) ผลการศึกษาความพึงพอใจต่อการใช้งานแอปพลิเคชันพืชสมุนไพรพื้นบ้าน โดยรวมพบว่าผู้ใช้มีความพึงพอใจต่อแอปพลิเคชันในระดับมาก ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.20, SD. = 0.66) เมื่อพิจารณาแต่ละด้านพบว่า ด้านประโยชน์และการนำไปใช้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.36, SD. = 0.57) รองลงมาคือด้านการใช้งานแอปพลิเคชัน ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.24, SD. = 0.66) ด้านการออกแบบและการแสดงผล ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.12, SD. = 0.67) และด้านเนื้อหาและการนำเสนอข้อมูล (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> =4.07, SD. = 0.72) ตามลำดับ</p> ประมูล สุขสกาวผ่อง; ธีรพล สืบชมภู ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/258312 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 การยกระดับเศรษฐกิจครัวเรือนของเกษตรกรในจังหวัดบุรีรัมย์ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับวางแผนการใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/259382 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาการจัดการการเงินของเกษตรกรระดับครัวเรือน 2) พัฒนาระบบสารสนเทศสำหรับวางแผนการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน และ 3) ประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการใช้งานระบบ โดยมีการดำเนินการวิจัย 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบันและปัญหาในการจัดการการเงินของเกษตรกรระดับครัวเรือน กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ สมาชิกผู้ทำบัญชีครัวเรือนบ้านโนนศิลา จำนวน 30 คน โดยเลือกแบบเจาะจง ระยะที่ 2 พัฒนาและสร้างระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับการวางแผนการใช้จ่ายฯ โดยมีกลุ่มเป้าหมายผู้เชี่ยวชาญด้านบัญชีและผู้เชี่ยวชาญออกแบบระบบสารสนเทศและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จำนวน 6 คน เพื่อประเมินประสิทธิผลของระบบฯ ระยะที่ 3 การประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจในการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศฯ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ครูบัญชีครัวเรือนจำนวน 8 คน เพื่อประเมินประสิทธิภาพต่อการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศฯ และกลุ่มเป้าหมายกลุ่มเกษตรกรที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 22 คน โดยเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับวางแผนการใช้จ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน และแบบสอบถาม เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้งานสถิติที่ใช้ในวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1)เกษตรกรในจังหวัดบุรีรัมย์มีรายได้จากการเกษตรที่ไม่แน่นอน ขาดการวางแผนการเงินระยะยาวอย่างเป็นระบบ และประสบปัญหาภาระหนี้สินจากรายจ่ายที่เกินรายรับ จากการสนทนากลุ่ม พบความต้องการระบบที่ใช้งานง่ายผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต 2) ระบบที่พัฒนาขึ้นมี 4 โมดูลหลัก ได้แก่ โมดูลบันทึกรายรับ-รายจ่าย การตั้งเป้าหมายการออม รายงานการเงินและหนี้สิน และการเข้าถึงระบบ ผู้เชี่ยวชาญประเมินประสิทธิผลของระบบในระดับมาก โดยช่วยให้เกษตรกรวางแผนการเงินได้ดีขึ้น เพิ่มการออม ลดหนี้สิน และเสริมสร้างเศรษฐกิจครัวเรือนอย่างยั่งยืน และ 3) การประเมินประสิทธิภาพและความพึงพอใจแสดงให้เห็นว่าระบบสามารถส่งเสริมการจัดการการเงินในครัวเรือนและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความยากจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้ใช้งานให้คะแนนความพึงพอใจในระดับมาก ผลการประเมินสะท้อนให้เห็นว่าระบบที่พัฒนาขึ้นสามารถส่งเสริมการจัดการการเงินในครัวเรือนและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความยากจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ</p> <p> </p> สมศักดิ์ จีวัฒนา; ผกามาศ บุตรสาลี; สุริยา รักกการศิลป์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/259382 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซเพื่อการจัดการโซ่อุปทานกลางน้ำผักปลอดภัย ในจังหวัดนครราชสีมา https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/258824 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซเพื่อการจัดการโซ่อุปทานกลางน้ำผักปลอดภัยในจังหวัดนครราชสีมา 2) ศึกษาประสิทธิภาพระบบอีคอมเมิร์ซเพื่อการจัดการโซ่อุปทานกลางน้ำผักปลอดภัยในจังหวัดนครราชสีมา และ 3) ศึกษาความพึงพอใจระบบอีคอมเมิร์ซเพื่อการจัดการโซ่อุปทานกลางน้ำผักปลอดภัยในจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มเป้าหมายได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ จำนวน 5 ท่าน และกลุ่มที่ 2 กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไป จำนวน 405 คน ได้แก่ เกษตรกรผู้ปลูกผักปลอดภัย ในพื้นที่อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา และผู้บริโภคที่สนใจหรือเคยมีประสบการณ์สั่งซื้อสินค้าออนไลน์ใช้วิธีการสุ่มแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) ระบบอีคอมเมิร์ซเพื่อการจัดการโซ่อุปทานกลางน้ำผักปลอดภัยในจังหวัดนครราชสีมา พัฒนาด้วยภาษา PHP, HTML, CSS, JavaScript และระบบจัดการฐานข้อมูล MySQL 2) แบบประเมินประสิทธิภาพของระบบ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งาน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ระบบอีคอมเมิร์ซเพื่อการจัดการโซ่อุปทานกลางน้ำผักปลอดภัยในจังหวัดนครราชสีมา พัฒนาในรูปแบบเว็บแอปพลิเคชันด้วยภาษา PHP, HTML, CSS, JavaScript ใช้ระบบจัดการฐานข้อมูล MySQL แบ่งเป็นส่วนของผู้ดูแลระบบ และส่วนของลูกค้า 2) ประสิทธิภาพระบบโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.52, SD.= 0.34) ระบบง่ายต่อการใช้งาน ทำงานได้อย่างถูกต้องและตรงตามความต้องการของผู้ใช้ ข้อมูลที่ได้มีความถูกต้อง และมีมาตรฐานความปลอดภัย และ 3) ความพึงพอใจระบบโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( <img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\bar{x}" alt="equation" /> = 4.54, SD. = 0.50) ระบบอีคอมเมิร์ซที่พัฒนาขึ้นจะช่วยลดระยะเวลาในการกระจายสินค้าผ่านการลดการพึ่งพาคนกลาง ทำให้กระบวนการสั่งซื้อและส่งมอบผักปลอดภัยจากเกษตรกรถึงผู้บริโภคโดยตรง สามารถนำผลการวิจัยไปขยายผลและเป็นต้นแบบระบบอีคอมเมิร์ซสู่การปฏิบัติจริง</p> ชุติญาภัค วาฤทธิ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/258824 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 พัฒนาเว็บแอพพลิเคชันครุภัณฑ์ด้านโสตทัศนูปกรณ์และคอมพิวเตอร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/252085 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาเว็บแอพพลิเคชันครุภัณฑ์ด้านโสตทัศนูปกรณ์และคอมพิวเตอร์ คณะเภสัชศาสตร์ 2) ประเมินประสิทธิภาพเว็บแอพพลิเคชันครุภัณฑ์ด้านโสตทัศนูปกรณ์และคอมพิวเตอร์ คณะเภสัชศาสตร์ และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้เว็บแอพพลิเคชันครุภัณฑ์ด้านโสตทัศนูปกรณ์และคอมพิวเตอร์ คณะเภสัชศาสตร์ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 คน บุคลการที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้อง ของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จำนวน 3 คน และบุคลากร สังกัดคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จำนวน 15 คน เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการใช้งานระบบ ใช้วิธีคัดเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) เว็บแอพพลิเคชันครุภัณฑ์ด้านโสตทัศนูปกรณ์และคอมพิวเตอร์ คณะเภสัชศาสตร์ 2) แบบประเมินคุณภาพเว็บแอพพลิเคชันครุภัณฑ์ด้านโสตทัศนูปกรณ์และคอมพิวเตอร์ คณะเภสัชศาสตร์ และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation; SD)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการพัฒนาเว็บแอพพลิเคชันครุภัณฑ์ด้านโสตทัศนูปกรณ์และคอมพิวเตอร์ คณะเภสัชศาสตร์ พบว่า ระบบแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ (1) การบันทึกครุภัณฑ์ (2) การยืม-คืนครุภัณฑ์ (3) แจ้งซ่อมครุภัณฑ์ (4) รายงานครุภัณฑ์ 2) ประเมินประสิทธิภาพเว็บแอพพลิเคชันครุภัณฑ์ด้านโสตทัศนูปกรณ์และคอมพิวเตอร์ คณะเภสัชศาสตร์ พบว่า ระบบสามารถทำงานได้ตามวัตถุประสงค์ สามารถบันทึกข้อมูลรายงานข้อมูลได้มีประสิทธิภาพ และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้เว็บแอพพลิเคชันครุภัณฑ์ด้านโสตทัศนูปกรณ์และคอมพิวเตอร์ คณะเภสัชศาสตร์ พบว่า ผู้ใช้มีความพึงพอใจต่อระบบอยู่ในระดับดี</p> ศุภกร เหล่าทองสาร ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/252085 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700 ส่วนท้าย https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/260055 <p>ส่วนท้าย</p> ผศ.ดร.อภิดา รุณวาทย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/260055 Fri, 27 Jun 2025 00:00:00 +0700