วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal <p> วารสารวิชาการ “การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม” (Journal of Technology Management Rajabhat Maha Sarakham University) เป็นวารสารที่ตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัย บทความวิชาการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอบทความทางวิชาการและบทความวิจัยที่มีคุณภาพ ที่แสดงถึงประโยชน์ทั้งเชิงทฤษฎี (Theoretical Contributions) ที่นักวิจัยหรือผู้ที่สนใจสามารถนำไปพัฒนาหรือสร้างองค์ความรู้ใหม่ และประโยชน์ในเชิงปฏิบัติการ (Managerial Contributions) นักวิจัยหรือผู้สนใจนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์หรือต่อยอดการวิจัยที่ครอบคลุมเนื้อหาที่เป็นทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลหรือเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เทคโนโลยีทางการศึกษา และการจัดการเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และเพื่อเป็นแหล่งในการเผยแพร่แลกเปลี่ยนความรู้ แนวคิดและประสบการณ์ทางวิชาชีพของอาจารย์ นักศึกษา และนักวิชาการ ในด้านการจัดการเทคโนโลยี</p> <p> </p> <p><em>ตั้งแต่ปีที่ 8 ฉบับที่ 2 เป็นต้นไป ทางวารสารได้เพิ่มผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อพิจารณาบทความเป็น 3 ท่าน (จากเดิม 2 ท่าน)</em></p> th-TH [email protected] (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิดา รุณวาทย์) [email protected] (ดร.กาญจนา ดงสงคราม) Wed, 13 Dec 2023 16:43:26 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 ส่วนหน้า https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/252061 <p>ส่วนหน้า</p> ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิดา รุณวาทย์ Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/252061 Fri, 15 Dec 2023 00:00:00 +0700 Using K-means Techniques for Clustering Depressed Patients in Mahasarakham Province https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/251446 <p> This study used advanced data mining techniques to examine the patterns of depression and service use among patients in Mahasarakham Province. The focus was to understand how people with depression access and use medical services in this area. Data collected from the Mahasarakham Provincial Public Health Office were meticulously analyzed using the K-means clustering method. This analysis involved a dataset consisting of five key variables used in the clustering process. This study successfully identified six unique clusters of patients, each showing different symptoms and degrees of depression. These findings provide essential insights into the diverse manifestations of depression within Mahasarakham’s patient population, contributing valuable information for healthcare providers and policymakers to optimize service delivery and treatment approaches.</p> Supakron Srisanga, Arisara Pahdungcharoen, Nanthicha Wonghong, Kanjana Hinthaw, Anupong Sukprasert; Warawut Narkbunnum Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/251446 Tue, 12 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบบริหารจัดการคลินิกทันตกรรมและการแจ้งเตือนนัดหมายอัตโนมัติ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/251728 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบการจัดการคลินิกทันตกรรมและการแจ้งเตือนนัดหมายอัตโนมัติด้วยโมบายแอปพลิเคชันและ Line API 2) ประเมินคุณภาพระบบการจัดการคลินิกทันตกรรมและการแจ้งเตือนนัดหมายอัตโนมัติ 3)ศึกษาความพึงพอใจต่อระบบการจัดการคลินิกทันตกรรมและการแจ้งเตือนนัดหมายคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายโดยใช้วิธีแบบเจาะจงได้แก่ (1) ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานระบบคลินิกทันตกรรม รวมจำนวน 5 คน (2) กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษาความพึงพอใจในการใช้งานระบบจัดการคลินิกทันตกรรม รวมจำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ระบบบริหารจัดการคลินิกทันตกรรมและการแจ้งเตือนนัดหมายอัตโนมัติแบบประเมินประสิทธิภาพของระบบ และแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบการจัดการคลินิกทันตกรรมสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าร้อยละ</p> <p> ผลการวิจัย พบว่า 1) ระบบบริหารจัดการคลินิกทันตกรรมและการแจ้งเตือนนัดหมายอัตโนมัติ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ (1) ส่วนของพนักงาน และ (2) ส่วนของทันตแพทย์ สามารถจัดการข้อมูลส่วนตัวทันตแพทย์ ค้นหาข้อมูลผู้ป่วยและตรวจสอบเรียกดูรายงานข้อมูลผู้ป่วยบันทึกข้อมูลการรักษาของผู้ป่วยเรียกดูรายงานข้อมูลการรักษาผู้ป่วย และเพิ่มข้อมูลการนัดหมายผู้ป่วย 2) ผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบจากผู้เชี่ยวชาญ พบว่าโดยรวม อยู่ในระดับมาก (<img title="\small \bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\fn_cm&amp;space;\small&amp;space;\bar{x}" /> = 4.15, SD. =0.37) และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจผู้ใช้ระบบมีผลการประเมินโดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\fn_cm&amp;space;\bar{x}" /> = 4.59, SD. = 0.09) คิดเป็นร้อยละ 86.15</p> พัชรี ศรีพุทธา; อภิชาติ เหล็กดี; อตินันต์ แท่นทอง Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/251728 Wed, 13 Dec 2023 00:00:00 +0700 ระบบจำแนกประเภทประวัติย่อของผู้สมัครงานด้วยวิธีการเรียนรู้ของเครื่อง https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/249964 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สร้างแบบจำลองและการหาประสิทธิภาพแบบจำลองการจำแนกประเภทประวัติย่อของผู้สมัครงาน 2) พัฒนาระบบเว็บแอปพลิเคชันแนะนำตำแหน่งงานด้วยวิธีการเรียนรู้ของเครื่อง และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบเว็บแอปพลิเคชันแนะนำตำแหน่งงานด้วยวิธีการเรียนรู้ของเครื่อง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ชั้นปีที่ 4 ที่จะออกปฏิบัติงานสหกิจศึกษา จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) ชุดข้อมูลประวัติย่อของผู้สมัครงาน 2) ระบบเว็บแอปพลิเคชันแนะนำตำแหน่งงาน 3) แบบสอบถามความพึงพอใจผู้ใช้งานระบบเว็บแอปพลิเคชันแนะนำตำแหน่งงาน ได้ใช้อัลกอริทึมจำแนกประเภทประวัติย่อของผู้สมัครงาน 5 วิธี ได้แก่ วิธีนาอีฟเบย์ วิธีซัพพอร์ตเวกเตอร์แมทชีน วิธีเพื่อนบ้านใกล้ที่สุด วิธีต้นไม้ตัดสินใจ วิธีเพอร์เซปตรอนแบบหลายชั้น โดยใช้สมการในการประเมินประสิทธิภาพของแบบจำลอง ได้แก่ ค่าความแม่นยำ ค่าความระลึก ค่าเอฟวันสกอร์ และค่าความถูกต้อง และสถิติที่ใช้ศึกษาความพึงพอใจ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p> ผลการวิจัย พบว่า 1) การสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบจำลองการจำแนกประเภทประวัติย่อของผู้สมัครงาน พบว่า วิธีเพอร์เซปตรอนแบบหลายชั้น และวิธีซัพพอร์ตเวกเตอร์แมทชีน ให้ประสิทธิภาพสูงที่สุด <br />ค่าความแม่นยำ 99.64% ค่าความระลึก 99.59% ค่าเอฟวันสกอร์ 99.56% และค่าความถูกต้อง 99.59% <br />2) การพัฒนาระบบเว็บแอปพลิเคชันแนะนำตำแหน่งงานด้วยวิธีการเรียนรู้ของเครื่อง ระบบสามารถทำงานได้จริงตามที่ออกแบบไว้ โดยมีองค์ประกอบของระบบ 5 ระบบ ได้แก่ ระบบสมาชิก ระบบประมวลผลไฟล์ PDF ประวัติย่อของผู้สมัครงาน ระบบประมวลผลข้อมูลร่วมกับแบบจำลอง ระบบแสดงชื่อตำแหน่งงานที่สอดคล้องกับประวัติย่อของผู้สมัครงาน และระบบแสดงตำแหน่งงานว่างจากบริษัทจัดหางาน 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานต่อระบบเว็บแอปพลิเคชันแนะนำตำแหน่งงานด้วยวิธีการเรียนรู้ของเครื่อง พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.69 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.47</p> วรวิทย์ สังฆทิพย์; วิษณุรัตน์ วงสีทา, พัณกร ผายเงิน Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/249964 Fri, 15 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม MSU Open House มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีรหัสคิวอาร์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/250332 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม MSU Open House มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีรหัสคิวอาร์ เพื่อรองรับการเข้าร่วมกิจกรรมของนักเรียนที่สนใจเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม 2) ประเมินประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม MSU Open House มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีรหัสคิวอาร์ โดยแบ่งการประเมินออกเป็น 4 ด้าน ดังนี้ ด้านตรงตามความต้องการ ด้านสามารถทำงานได้ตามหน้าที่ ด้านความง่ายต่อการใช้งาน ด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบบริหารจัดการข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม MSU Open House มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีรหัสคิวอาร์ กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 7 คน คัดเลือกโดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจง และ นักเรียน ผู้ปกครองและบุคคลภายนอก ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 1,471 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบประเมินประสิทธิภาพระบบสารสนเทศ และ แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เทคโนโลยีที่เลือกใช้ในงานวิจัยนี้คือ รหัสคิวอาร์ ซึ่งผู้วิจัยมองเห็นว่า รหัสคิวอาร์จะช่วยให้กระบวนการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือลดความผิดพลาดในการป้อนข้อมูล ประหยัดทรัพยากรและมีความปลอดภัย</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม MSU Open House มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีรหัสคิวอาร์ พบว่า ผู้ใช้งานระบบทั้งหมด แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ (1) นักเรียน (2) บุคคลภายนอก ผู้ปกครอง (3) เจ้าหน้าที่ (4) ผู้บริหาร 2) ประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม MSU Open House มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีรหัสคิวอาร์ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.78±0.30 พบว่า ด้านตรงตามความต้องการและด้านความง่ายต่อการใช้งานอยู่ในระดับมากที่สุด โดยผู้วิจัยสามารถนำเทคโนโลยีรหัสคิวอาร์ไปใช้ประโยชน์ในด้านการระบุข้อมูลตัวบุคคลในกิจกรรมอื่นๆได้ เพื่อความง่ายและรวดเร็วต่อการใช้งานของการจัดกิจกรรม และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้งานระบบที่มีต่อระบบบริหารจัดการข้อมูลการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรม MSU Open House มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ด้วยเทคโนโลยีรหัสคิวอาร์ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.70±0.53 พบว่าข้อที่อยู่ในระดับมากที่สุด คือ ระบบใช้งานง่ายสะดวกและไม่ซับซ้อน ซึ่งเป็นผลเชิงประจักษ์ของการนำเทคโนโลยีรหัสคิวอาร์มาใช้งาน ทำให้ลดขั้นตอนในการลงทะเบียนและบริหารจัดการข้อมูลได้ง่าย สะดวกและไม่ซับซ้อนของขั้นตอนการเข้าร่วมกิจกรรม และผลการศึกษาความพึงพอใจที่น้อยที่สุด คือ ความครบถ้วน ถูกต้องของข้อมูล ซึ่งอาจจะเกิดจากการเผยแพร่ข้อมูลและรายละเอียดในการจัดกิจกรรม ทางผู้วิจัยจะได้นำข้อมูลนี้ไปนำเสนอคณะกรรมการผู้รับผิดชอบในการจัดกิจกรรมในครั้งต่อไปให้มีความครบถ้วนและถูกต้องของข้อมูลต่อไป</p> นพนัย เนื่องอุดม Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/250332 Fri, 15 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบสารสนเทศคลังข้อสอบมาตรฐานวิชาชีพด้านการศึกษาผ่านเว็บแอปพลิเคชัน กรณีศึกษา: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/250409 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศคลังข้อสอบมาตรฐานวิชาชีพด้านการศึกษาผ่านเว็บแอปพลิเคชัน กรณีศึกษา: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2) ประเมินประสิทธิภาพระบบสารสนเทศคลังข้อสอบมาตรฐานวิชาชีพด้านการศึกษาผ่านเว็บแอปพลิเคชัน กรณีศึกษา: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือและ 3) ศึกษาความพึงพอใจการใช้งานระบบสารสนเทศคลังข้อสอบมาตรฐานวิชาชีพด้านการศึกษาผ่านเว็บแอปพลิเคชัน กรณีศึกษา: คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรี และระดับประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู คณะศึกษาศาสตร์ ที่ใช้ในการศึกษาความพึงพอใจการใช้งานระบบ รวมจำนวน 150 คน และกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ เพื่อที่ใช้ในการประเมินประสิทธิภาพระบบ จำนวน 3 คน เครื่องมือในการวิจัย คือ แบบประเมินประสิทธิภาพระบบสารสนเทศคลังข้อสอบมาตรฐานวิชาชีพด้านการศึกษาผ่านเว็บแอปพลิเคชัน แบบสอบถามความพึงพอใจและแบบสอบถามการยอมรับของผู้ใช้งานระบบสารสนเทศคลังข้อสอบมาตรฐานวิชาชีพด้านการศึกษาผ่านเว็บแอปพลิเคชัน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1) การออกแบบและการพัฒนาระบบสารสนเทศคลังข้อสอบมาตรฐานวิชาชีพด้านการศึกษาผ่านเว็บแอปพลิเคชันสามารถใช้งานได้จริง โดยมีการพัฒนาระบบสารสนเทศคลังข้อสอบมาตรฐานวิชาชีพ ประกอบด้วย 5 ระบบหลัก ได้แก่ (1) ระบบยืนยันตัวตนผู้เข้าใช้งาน (2) ระบบคลังข้อสอบมาตรฐานวิชาชีพครู <br />(3) ระบบคลังข้อสอบวัดแววความเป็นครู (4) ระบบแสดงผลการทดสอบ และ (5) ระบบแสดงประวัติการเข้าทดสอบ นักศึกษาและศิษย์เก่าบุคลากรภายในคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือสามารถเข้าถึงนำข้อมูลได้ตามขอบเขตสิทธิ์การใช้งานตามที่ระบบได้กำหนดไว้ และตรงตามความต้องการของผู้ใช้ 2) ผลการประเมินประสิทธิภาพระบบสารสนเทศคลังข้อสอบมาตรฐานวิชาชีพด้านการศึกษาผ่านเว็บแอปพลิเคชันจากผู้เชี่ยวชาญมีผลการประเมินโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\fn_cm&amp;space;\bar{x}" /> = 4.80, SD. = 0.33) และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจผู้ใช้งานระบบสารสนเทศคลังข้อสอบมาตรฐานวิชาชีพด้านการศึกษาผ่านเว็บแอปพลิเคชันจากกลุ่มเป้าหมาย มีผลการประเมินโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\fn_cm&amp;space;\bar{x}" /> = 4.76, SD. = 0.13) และ 4) ผลการศึกษาการยอมรับของผู้ใช้งานระบบที่มีต่อระบบ อยู่ในระดับมากที่สุด ( <img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\fn_cm&amp;space;\bar{x}" />= 4.68 , SD. = 0.02)</p> จารุกิตติ์ สายสิงห์ Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/250409 Fri, 15 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบแจ้งเตือนในโรงพยาบาลโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/250433 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบแจ้งเตือนในโรงพยาบาลโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง 2) ประเมินประสิทธิภาพระบบแจ้งเตือนในโรงพยาบาลโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง และ 3) ศึกษาความพึงพอใจระบบแจ้งเตือนในโรงพยาบาลโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 10 คน ผู้ใช้ทั่วไปจำนวน 50 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบประเมินประสิทธิภาพระบบแจ้งเตือนในโรงพยาบาลโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง และแบบสอบถามความพึงพอใจระบบแจ้งเตือนในโรงพยาบาลโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p> ผลการวิจัย พบว่า 1) การพัฒนาระบบแจ้งเตือนในโรงพยาบาลโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง ระบบมีองค์ประกอบหลัก 2 ส่วน ประกอบด้วยส่วนของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ส่วนของฮาร์ดแวร์ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ NodeMCU ควบคุมระบบแจ้งเตือนพยาบาล การพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้โปรแกรม Visual Studio Code เขียนโปรแกรม และ โปรแกรม Xampp จำลองเครื่องคอมพิวเตอร์เป็น web server และภาษาที่ใช้เขียนโปรแกรมคือ PHP และ JAVA Script กระบวนการทำงานของระบบ อุปกรณ์ NodeMCU จะรับค่ามาประมวลผลด้วยโปรแกรม สามารถส่งข้อมูลการแจ้งเตือนได้ 2 รูปแบบ 1) ส่งการแจ้งเตือนไปยังห้องพยาบาลที่ชุดควบคุม (สถานีบริการ) 2) ส่งผ่านอุปรกรณ์เครือข่ายไร้สายช่องทางอีเมลและแอปพลิเคชันไลน์ 2) ผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบแจ้งเตือนในโรงพยาบาลโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง พบว่า ในภาพรวมระบบมีประสิทธิภาพอยู่ในระดับดีมาก ค่าเฉลี่ย 4.92 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของระบบแจ้งเตือนในโรงพยาบาลโดยใช้เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง พบว่า ในภาพรวมระบบมีประสิทธิภาพอยู่ในระดับดี ค่าเฉลี่ย 4.41</p> <p> </p> จุฑามณี รุ้งแก้ว; วีระชัย อ่อนมณี, ปิยะ พรหมลา Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/250433 Fri, 15 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบสารสนเทศบัญชีการเงินกลุ่มสัจจะออมทรัพย์บ้านไสใหญ่ ด้วยวิธีการอไจล์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/251023 <p> การศึกษาวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศบัญชีการเงินกลุ่มสัจจะออมทรัพย์บ้านไสใหญ่ด้วยวิธีการอไจล์ 2) เพื่อประเมินประสิทธิภาพระบบสารสนเทศบัญชีการเงินกลุ่มสัจจะออมทรัพย์บ้านไสใหญ่ด้วยวิธีการอไจล์ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจการใช้งานระบบสารสนเทศบัญชีการเงินกลุ่มสัจจะออมทรัพย์บ้านไสใหญ่ด้วยวิธีการอไจล์ กลุ่มตัวอย่างประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ เลขานุการ ประธาน และสมาชิกที่ใช้ระบบ จำนวน 50 คน เครื่องมือในการวิจัย คือ ระบบสารสนเทศบัญชีการเงินกลุ่มสัจจะออมทรัพย์บ้านไสใหญ่ แบบประเมินประสิทธิภาพระบบสารสนเทศ และแบบสอบถามความพึงพอใจการใช้งานระบบสารสนเทศ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน </p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ระบบสารสนเทศบัญชีการเงินกลุ่มสัจจะออมทรัพย์บ้านไสใหญ่ใช้กระบวนการพัฒนาระบบแบบอไจล์ (Agile System Development Methodology) และกระบวนการสกรัม (Scrum) พัฒนาด้วยภาษา PHP ร่วมกับ Bootstrap Framework ในการควบคุมการแสดงผล จัดเก็บข้อมูลบนฐานข้อมูล MariaDB ระบบที่พัฒนาสามารถรองรับการทำงานตามกลุ่มผู้ใช้ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ เลขานุการ ประธาน และสมาชิก 2) ผลการประเมินประสิทธิภาพระบบสารสนเทศบัญชีการเงินกลุ่มสัจจะออมทรัพย์โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า ระบบสามารถรองรับการทำงานของกลุ่มผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลประเมินประสิทธิภาพของระบบโดยรวมอยู่ในระดับดีมาก (ค่าเฉลี่ย 4.58) และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจการใช้งานระบบสารสนเทศบัญชีการเงินกลุ่มสัจจะออมทรัพย์พบว่า ระบบสารสนเทศรองรับการใช้งานของกลุ่มผู้ใช้ ระบบสามารถช่วยอำนวยความสะดวกในการข้อมูลจัดการสมาชิก และยังช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดทำบัญชี ทำให้เกิดความถูกต้อง ชัดเจน น่าเชื่อถือของข้อมูลในเรื่องบัญชีและการเงิน โดยความพึงพอใจการใช้งานของกลุ่มผู้ใช้โดยรวมอยู่ในระดับดีมาก (ค่าเฉลี่ย 4.72)</p> วิสุตร์ เพชรรัตน์, เตชิตา สุทธิรักษ์, พัทธนันท์ อธิตัง, กุลวดี จันทร์วิเชียร, วราพร กาญจนคลอด Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/251023 Fri, 15 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์กลุ่มกสิกรรมธรรมชาติเชื่อมโยงการตลาดสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย จังหวัดชัยภูมิ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/251437 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษารวบรวมข้อมูลเกษตรกรที่ยึดหลักกสิกรรมธรรมชาติของจังหวัดชัยภูมิ 2) พัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์กลุ่มกสิกรรมธรรมชาติเชื่อมโยงการตลาดสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย จังหวัดชัยภูมิ และ 3) ศึกษาความพึงพอใจการใช้ระบบฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์กลุ่มกสิกรเชื่อมโยงรมกับตลาดสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย จังหวัดชัยภูมิ กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 30 คน ประกอบด้วยเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัย 15 คน และผู้ที่มาใช้บริการตลาดสีเขียวจังหวัดชัยภูมิ 15 คน โดยวิธีเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ระบบฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์กลุ่มกสิกรรมธรรมชาติเชื่อมโยงการตลาดสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย จังหวัดชัยภูมิ และ แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบสารสนเทศ เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ศึกษารวบรวมข้อมูลเกษตรกรที่ยึดหลักกสิกรรมธรรมชาติของจังหวัดชัยภูมิ พบว่า จากการรวบรวมข้อมูลเกษตรกรจำนวน 32 ราย ผลิตภัณฑ์ 148 รายการ แล้วนำมาออกแบบโครงสร้างระบบสารสนเทศ 2) ผลการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศกำหนดผู้ใช้ระบบ 3 ส่วนคือส่วนของผู้ใช้งานทั่วไป ส่วนของเกษตรกร และส่วนของผู้ดูแลระบบ ระบบมีประสิทธิภาพอยู่ในระดับเหมาะสมมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" /> = 4.42, SD. = 0.52) และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้ระบบโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( <img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\bar{x}" />= 4.41, SD. = 0.26)</p> สำราญ วานนท์; รจนา เมืองแสน Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/251437 Fri, 15 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาแอปพลิเคชันเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม เรื่อง ระบบสุริยะจักรวาล สำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยิน https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/250402 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแอปพลิเคชันเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม เรื่อง ระบบสุริยะจักรวาล สำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยิน 2) ประเมินประสิทธิภาพแอปพลิเคชันเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อการใช้งานแอปพลิเคชันเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 คน และนักศึกษาผู้บกพร่องทางการได้ยิน จำนวน 20 คน เครื่องมือการวิจัย คือ แอปพลิเคชันเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม เรื่อง ระบบสุริยะจักรวาล สำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยิน แบบประเมินประสิทธิภาพแอปพลิเคชันเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม และแบบสอบถามความพึงพอใจที่มีต่อการใช้งานแอปพลิเคชันเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) แอปพลิเคชันเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริม ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนของมาร์กเกอร์ สำหรับสแกน เพื่อแสดงข้อมูลระบบสุริยะจักรวาล โมเดล 3 มิติ เสียงบรรยาย และวิดีโอภาษามือ และส่วนของแอปพลิเคชันเทคโนโลยีความเป็นจริงเสริมที่ทำงานบนสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2) ผลการประเมินประสิทธิภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ อยู่ในระดับมาก และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมาย อยู่ในระดับมาก</p> <p> </p> พิเชนทร์ จันทร์ปุ่ม; สุธิรา จันทร์ปุ่ม, สุรเชษฐ์ เหลื่อมเภา, วินิจ สุขวงศ์ Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/250402 Fri, 15 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง สกลนคร เมือง 3 ธรรม สำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยิน https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/250401 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง สกลนคร เมือง 3 ธรรม สำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยิน 2) ประเมินคุณภาพหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และ 3) ศึกษาความพึงพอใจของผู้ใช้หนังสื่ออิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ ที่มีประสบการณ์ในการสอนนักศึกษาผู้บกพร่องทางการได้ยิน จำนวน 3 ท่าน และนักศึกษาผู้บกพร่องทางการได้ยินมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร จำนวน 20 คน คัดเลือกโดยวิธีเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือการวิจัย คือ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง สกลนคร เมือง 3 ธรรม สำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยิน แบบประเมินคุณภาพ และแบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการพัฒนาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง สกลนคร เมือง 3 ธรรม สำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยินที่พัฒนาขึ้น พบว่า มีองค์ประกอบ 4 ส่วน ได้แก่ (1) ข้อความ (2) ภาพ (3) ภาพเคลื่อนไหว และ(4) วิดีโอภาษามือ มีเนื้อหา 3 ส่วน คือ ดินแดนธรรมะ ดินแดนวัฒนธรรม และดินแดนธรรมชาติ ประกอบด้วย ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และวิดีโอภาษามือ 2) ผลการประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ อยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}\" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\fn_cm&amp;space;\bar{x}\" />= 4.66) และ 3) ผลการศึกษาความพึงพอใจโดยผู้ใช้ อยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\fn_cm&amp;space;\bar{x}" /> 4.58)</p> สุธิรา จันทร์ปุ่ม; พิเชนทร์ จันทร์ปุ่ม, นันท์สินี ขุนเรศ, อรสา คำฤทธิ์ Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/250401 Fri, 15 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/251400 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม 2) ศึกษาคุณภาพของป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม และ 3) ศึกษาผลการทดลองใช้ป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชุมบ้านโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม คัดเลือกแบบเจาะจง จำนวน 20 คน กลุ่มลูกค้าทั่วไปจำนวน 10 คน คัดเลือกแบบสุ่มอย่างง่าย รวมทั้งสิ้นจำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ 1) ป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม 2) แบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR และ 3) แบบสอบถามความพึงพอใจต่อป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\fn_cm&amp;space;\bar{x}" /> ) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD.)</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการพัฒนาป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม พบว่า ป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR ของผลิตภัณฑ์สินค้าพริกทอดกรอบ ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ส่วนของภาพป้ายสินค้า Marker และส่วนแสดงผลข้อมูลของป้ายสินค้า 2) คุณภาพของป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR จากการสอบถามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\fn_cm&amp;space;\bar{x}" /> = 4.50, SD.=0.51) และ 3) ผลการทดลองใช้ป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR ตำบลโคกก่อ อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม พบว่า กลุ่มเป้าหมายมีความพึงพอใจต่อการใช้งานป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR อยู่ในระดับมาก (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\fn_cm&amp;space;\bar{x}" /> = 4.67, SD.=0.38) และผลการใช้งานหลังผ่านไป 1 เดือน พบว่า รายได้ต่อเดือนของทุกคนรวมกันก่อนเริมประชาสัมพันธ์ มีรายได้ 3000 บาท/เดือน และหลังจากเริ่มประชาสัมพันธ์โดยใช้ป้ายสินค้าดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี AR แล้วทำให้มีรายได้ทุกคนรวมกันเพิ่มขึ้น 10,000 บาท/เดือน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30</p> <p> </p> บัณฑิต สุวรรณโท; มณีรัตน์ ผลประเสริฐ Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/251400 Fri, 15 Dec 2023 00:00:00 +0700 การพัฒนาแอปพลิเคชันข้อมูลผู้ป่วยโรคหอบหืด https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/251243 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาแอปพลิเคชันข้อมูลผู้ป่วยโรคหอบหืด 2) ประเมินคุณภาพแอปพลิเคข้อมูลผู้ป่วยโรคหอบหืด 3) ศึกษาความพึงพอใจผู้ใช้งานที่มีต่อแอปพลิเคชันข้อมูลผู้ป่วยโรคหอบหืด โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ นักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นปีที่ 3 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศมหาวิทยาลัยราชภัฏ มหาสารคาม จำนวน 30 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ 1) แอปพลิเคชันข้อมูลผู้ป่วยโรคหอบหืด 2) แบบประเมินคุณภาพแอปพลิเคชันข้อมูลผู้ป่วยโรคหอบหืด 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้ใช้งานแอปพลิเคชันข้อมูลผู้ป่วยโรคหอบหืด สถิติที่ใช้ในการศึกษาได้แก่ ค่าเฉลี่ย (<img title="\bar{x}" src="https://latex.codecogs.com/gif.latex?\fn_cm&amp;space;\bar{x}" />) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD.)</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลการพัฒนาแอปพลิเคชันข้อมูลผู้ป่วยโรคหอบหืด ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ <br />1) ผู้ใช้งานดูแลระบบ 2) ผู้ใช้งานผู้ป่วย และ 3) ผู้ใช้งานแพทย์ สามารถนำไปใช้งานได้จริงอย่างมีคุณภาพ <br />2) ผลการประเมินคุณภาพแอปพลิเคชันข้อมูลผู้ป่วยโรคหอบหืด พบว่า มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.93 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.16 อยู่ในระดับคุณภาพมาก 3) ผลการหาความพึงพอใจการใช้งานแอปพลิเคชันข้อมูลผู้ป่วยโรคหอบหืด พบว่ามีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.26 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.60 อยู่ในระดับความพึงพอใจมาก</p> ภาสกร ธนะศิระธรรม; อริสา คะรุนรัมย์, กมลธิดา ดวงสีดา, ณัฐพงษ์ พันธุ์มณี, อิสรา ชื่นตา Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/251243 Mon, 25 Dec 2023 00:00:00 +0700 ส่วนท้าย https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/252063 <p>ส่วนท้าย</p> ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อภิดา รุณวาทย์ Copyright (c) 2023 วารสารวิชาการ การจัดการเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม http://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/itm-journal/article/view/252063 Fri, 15 Dec 2023 00:00:00 +0700