SciTech Research Journal https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu <p>ชื่อเดิม วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ISSN : 2630-0486 (Print)</p> <p>ชื่อใหม่ SciTech Research Journal ISSN : 3057-0077 (Online)</p> <p>รับตีพิมพ์บทความคุณภาพสูงในด้านวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยสาขาวิชาทางด้าน ชีววิทยา เคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ สถิติประยุกต์ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม และสาธารณสุข ด้านเทคโนโลยี ประกอบด้วยสาขาวิชาทางด้าน คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและวิศวกรรมศาสตร์</p> <p>โดยตีพิมพ์ 3 ฉบับต่อปี ฉบับที่ 1 มกราคม - เมษายน และฉบับที่ 2 พฤษภาคม - สิงหาคม และฉบับที่ 3 กันยายน - ธันวาคม</p> en-US journal.rdi@rmu.ac.th (ผศ.ดร.วสันต์ ปินะเต) wasin@rmu.ac.th (นายวศิน บุญทองเถิง) Fri, 29 Aug 2025 15:19:40 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 สารบัญ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/261041 <p>สารบัญ</p> Editorial RDI-RMU ลิขสิทธิ์ (c) 2025 SciTech Research Journal https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/261041 Fri, 29 Aug 2025 00:00:00 +0700 ภาคผนวก https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/261042 <p>ภาคผนวก</p> Editorial RDI-RMU ลิขสิทธิ์ (c) 2025 SciTech Research Journal https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/261042 Fri, 29 Aug 2025 00:00:00 +0700 การประมาณอัตราส่วนอัตราอุบัติการณ์ของโรคมือเท้าปากด้วยปัจจัยอุตุนิยมวิทยา ในจังหวัดมหาสารคาม https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/256041 <p>การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการประมาณอัตราส่วนอุบัติการณ์ของโรคมือเท้าปากด้วยปัจจัยอุตุนิยมวิทยาในจังหวัดมหาสารคาม เป็นการวิจัยเชิงความสัมพันธ์ ข้อมูลรวบรวมจากจำนวนผู้ป่วยโรคเท้าปากรายเดือนจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และข้อมูลอุตุนิยมวิทยาจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ และการถดถอยเชิงเส้นทั่วไป ผลการคึกษาพบว่า จำนวนผู้ป่วยโรคมือเท้าปากรายเดือนมีความสัมพันธ์กับปริมาณฝนเฉลี่ยรายเดือน และ ความชื้นเฉลี่ยรายเดือน (สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน (p-value &lt;.05) (r=0.366, 0=363)) จัดอยู่ในความสัมพันธ์ระดับพอใช้ (0.3-0.5 Fair) ปริมาณฝนเฉลี่ยรายเดือนเป็นตัวแปรอิสระแบบจำลองการถดถอยปัวซงนัยทั่วไป (p-value &lt;.05) (IRR = 1.15 ; 95%CI : 1.04, 1.27) โดยมีสัมประสิทธิ์อธิบาย (R<sup>2</sup>) เท่ากับ 0.205 ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการวางมาตรการป้องกันการติดเชื้อโรคมือเท้าปากในพื้นที่ตามปริมาณฝนเฉลี่ยรายเดือนจากการพยากรณ์อากาศล่วงหน้า</p> นันทนัช ภาณุศรี , วัฒนา ชยธวัช ลิขสิทธิ์ (c) 2025 SciTech Research Journal https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/256041 Fri, 29 Aug 2025 00:00:00 +0700 ความรอบรู้ด้านสุขภาพที่มีความสัมพันธ์ต่อพฤติกรรมการบริโภคหวานของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/260079 <p>การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาเชิงสำรวจ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาระดับความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการบริโภคหวาน และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการบริโภคหวานของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม กลุ่มตัวอย่างจำนวน 421 คน คัดเลือกด้วยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เก็บข้อมูลระหว่างเดือนมิถุนายน 2567 -มีนาคม 2568 เครื่องมือวิจัยใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสูงสุด ต่ำสุด และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน</p> <p> ผลการศึกษา พบว่า นักศึกษาส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ร้อยละ 55.3 มีอายุเฉลี่ย 19 ปี (S.D.=0.46) อายุสูงสุด 26 ปี นักศึกษามีพฤติกรรมการบริโภคหวาน อยู่ในระดับเป็นบางครั้งโดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.20 (S.D.=0.42) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ระหว่างความรอบรู้ด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการบริโภคหวานของนักศึกษา พบว่า ความรู้การเข้าถึงข้อมูลและบริการสุขภาพ ความรู้ความเข้าใจข้อมูลและบริการสุขภาพ ความรู้ด้านทักษะการสื่อสาร ความรู้ด้านทักษะการจัดการตนเอง ความรู้ด้านทักษะการตัดสินใจ และความรู้ด้านทักษะการรู้เท่าทันสื่อ มีความสัมพันธ์กับความรอบรู้ด้านพฤติกรรมการบริโภคหวานของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p&lt;0.05) ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ งานกิจการนักศึกษา หน่วยศูนย์สุขภาพชุมชนควรมีการส่งเสริม ให้ความรู้อย่างต่อเนื่อง และเฝ้าระวัง เกี่ยวกับด้านการบริภคอาหารแก่นักศึกษา รวมถึงหาแนวทาง มาตรการ หรือรูปแบบ ในการดูแลสุขภาพนักศึกษาในมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักและปฏิบัติตนได้อย่างเหมาสม ซึ่งจะส่งผลต่อการมีภาวะสุขภาพที่ดีต่อไปในอนาคต</p> รัชชานันท์ ศรีสุภักดิ์ , ประภากร ศรีสว่างวงศ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 SciTech Research Journal https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/260079 Fri, 29 Aug 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาเส้นด้ายจากเส้นใยบัวหลวงผ่านการทดสอบคุณภาพ ด้วยเทคนิคการเข้าเกลียวแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/254108 <p>เส้นใยบัวหลวงถือเป็นนวัตกรรมทางเลือกใหม่ที่สามารถนำไปสู่ความยั่งยืนในอุตสาหกรรมสิ่งทอ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและทดสอบคุณภาพการเข้าเกลียวเส้นด้ายจากน้ำยางในก้านบัวหลวงโดยประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมทั้งศึกษาลักษณะพื้นผิวเส้นใยด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน การทดลองแบ่งเป็นการเข้าเกลียวเส้นด้าย 3 ลักษณะ ได้แก่ เกลียว S เกลียว Z และเกลียว S on Z จากนั้นทดสอบสมบัติเชิงกลของเส้นด้ายตามมาตรฐาน ASTM D 2256:2022 และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติ One-Way ANOVA ผลการวิจัยพบว่า การเข้าเกลียวแบบ S on Z ให้ค่าความแข็งแรงสูงสุด โดยมีค่าแรงดึงขาด 601.44 กรัมแรง ค่ายืดตัวขณะขาด 3.45% และค่า Tenacity 2.43 กรัมแรงต่อดีเนียร์ สอดคล้องกับลักษณะทางกายภาพของเส้นใยที่ปรากฏพื้นผิวเรียบคล้ายข้อปล้องไม้ไผ่ สามารถสะท้อนแสงใกล้เคียงเส้นใยไหม และมีภาพตัดขวางเป็นรูปวงรีแบนคล้ายเส้นใยฝ้ายแต่ไม่มีโพรงตรงกลาง ซึ่งช่วยเพิ่มคุณสมบัติการระบายอากาศ งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าเส้นใยบัวหลวงมีศักยภาพสูงในการพัฒนาสิ่งทอยั่งยืนและสามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคต</p> ณรัช พรนิธิบุญ, ปิยะพงษ์ ยงเพชร , ปัณณ์รภัส ถกลภักดี ลิขสิทธิ์ (c) 2025 SciTech Research Journal https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/254108 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนารูปแบบการก่อสร้างบ้านพักอาศัยสำหรับบริษัทรับสร้างบ้านขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสามารถในการแข่งขัน https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/259669 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยและข้อมูลเชิงสำรวจรูปแบบขั้นตอนการก่อสร้างตามมาตรฐานบ้านพักอาศัยของบริษัทรับสร้างบ้านขนาดเล็ก เพื่อนำมาพัฒนาแนวทางการก่อสร้างที่เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในอุตสาหกรรมการก่อสร้างของบริษัทรับสร้างบ้านขนาดเล็ก โดยได้ศึกษาข้อมูลจากโครงการก่อสร้างบ้านพักอาศัยในประเทศไทยจำนวน 30 โครงการ จาก 30 บริษัท ผ่านการใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์เชิงลึก กำหนดปัจจัยภายในและภายนอกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างอาคาร พบว่าปัจจัยภายในที่เกี่ยวข้องกับหมวดงานโครงสร้าง สถาปัตยกรรม ระบบประปา-สุขาภิบาล ไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ ตกแต่งภายใน และอื่นๆ มีผลต่อรูปแบบการก่อสร้าง นอกจากนี้ยังพิจารณาถึงปัจจัยภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการก่อสร้างบ้านพักอาศัย ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือคุณภาพ (ค่าเฉลี่ย 4.71) และการบริหารจัดการต้นทุนที่ไม่ดี (ค่าเฉลี่ย 3.81) เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อบริษัทก่อสร้างขนาดเล็ก นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยี โปรแกรม นวัตกรรม Building Infor-mation Modeling (BIM) และการก่อสร้างแบบ Modular (ค่าเฉลี่ย 33.4) มาใช้ในการดำเนินงานโครงการ เพื่อเป็นแนวทาง ในการพัฒนาการก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพ ผลการศึกษาจากแบบสอบถามเกี่ยวกับบทบาทของภาครัฐในการสนับสนุนบริษัทก่อสร้างขนาดเล็กพบว่า การให้ความรู้และการฝึกอบรม (82 คน, ร้อยละ 27.4) เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการมากที่สุด ผลการวิจัยนี้สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาศักยภาพของบริษัทก่อสร้างขนาดเล็ก</p> เชิดเกียรติ แก้วกำเนิด, ชัยพร สุภาหิตานุกุล , ศุภประดิษฐ์ มาสงค์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 SciTech Research Journal https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/259669 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาเครื่องมือวัดระดับน้ำและระบบรายงานผลแบบอัตโนมัติ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/255234 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ ออกแบบ และพัฒนาเครื่องมือวัดระดับน้ำและระบบรายงานผลแบบอัตโนมัติ และเพื่อหาประสิทธิภาพของเครื่องมือวัดระดับน้ำและระบบรายงานผลแบบอัตโนมัติ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย อุปกรณ์วัดระดับน้ำแบบอัตโนมัติ คือการนำ Nodemcu esp8266 ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์อัลตร้าโซนิค (Sensor Ultrasonic) คลื่นเสียงความถี่สูงเชื่อมต่อด้วยระบบอินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things) โดยใช้พลังงานจากโซลาร์เซล (Solar Cell และแบบประเมินประสิทธิภาพของเครื่องมือวัดระดับน้ำ สถิติที่ใช้ในการวิจัยเป็นสถิติขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจับพบว่า เครื่องมือวัดระดับน้ำพร้อมระบบรายงานผลแบบอัตโนมัติสามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยสามารถวัดค่าการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในแต่ละช่วงเวลาได้ สามารถแจ้งเตือนค่าระดับน้ำที่วัดได้ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์และนำเสนอค่าระดับน้ำในรูปแบบรายงานบนกระดานข้อมูล (Dashboard) ผ่านระบบ Looker Studio แบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถลดขั้นตอน ระยะเวลา และเป็นการแจ้งเตือนระดับน้ำในรอบเวรการส่งน้ำ รวมถึงระดับน้ำวิกฤตในช่วงฤดูน้ำหลาก รวมทั้งช่วยลดความผิดพลาดในการอ่านค่าระดับน้ำ การรายงาน และการบันทึกข้อมูลที่คลาดเคลื่อนได้ร้อยละ 83.33 เมื่อเทียบกับวิธีดั้งเดิม และในส่วนของผลการประเมินประสิทธิภาพเครื่องมือวัดระดับน้ำและระบบรายงานผลแบบอัตโนมัติ โดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน พบว่า ผลการประเมินประสิทธิภาพของระบบในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.76 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.43 (=4.76, S.D.=0.43) อยู่ในระดับดีมาก ทั้งในด้านประสิทธิภาพของเครื่องมือวัดระดับน้ำ ประสิทธิภาพในการรายงานผลแบบอัตโนมัติ และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำของเจ้าหน้าที่และเกษตรกร</p> <p> </p> ธาราพงศ์ ปราบเสร็จ, เสริมศิริ ปราบเสร็จ , ลลิตพัทธ์ สุขเรือน, ณัฐชัย แก้วดี , ชำนาญ มีสมมนต์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 SciTech Research Journal https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/255234 Sat, 30 Aug 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาเทคนิคมัลติเพล็กซ์รีเวิร์สเรียลไทม์พีซีอาร์ ในการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างปัสสาวะจากผู้ป่วยไตอักเสบลูปัส https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/259823 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาวิธี In-house Multiplex RT-qPCR ที่สามารถตรวจวัด mRNA ของยีนทั้ง 4 ชุด ชุดที่ 1 (18s rRNA, MCP-1) ชุดที่ 2 (IP-10, VEGF) ชุดที่ 3 (FoxP3,NGAL) และชุดที่ 4 (GATA3, TBX-21) พร้อมทั้งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานด้าน คลินิกในการตรวจ วิเคราะห์ตัวอย่างปัสสาวะของผู้ป่วย LN ได้</p> <p>วิธีดำเนินงานวิจัย ทำการทดสอบหาค่า ΔCt และ Correlation เปรียบเทียบ ระหว่าง 2 เทคนิค In-house Multiplex และ Single RT-qPCR โดยใช้สถิติ Simple linear regression จากนั้นทดสอบโดยใช้ตัวอย่างปัสสาวะของผู้ป่วย LN จำนวน 15 ราย โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือกลุ่ม Active LN และ Non-active LN</p> <p>ผลการวิจัย ค่า ΔCt ของ VEGF, NGAL และ TBX-21 อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ 18s rRNA, IP10 และ GATA-3 มีส่วนน้อยที่อยู่นอกเหนือเกณฑ์ และ MCP-1 และ FoxP3 มีค่าอยู่ นอกเหนือจากเกณฑ์จำนวนมากและมีค่าสูง และผลทดสอบ correlation พบว่ายีนชุดที่ 1,2 และ 4 ไม่มีความแตกต่างกันทั้ง 2 เทคนิค ยกเว้นในกลุ่มที่ 3 FoxP3 มีความสัมพันธ์ระดับต่ำ การเปรียบเทียบระดับ mRNA กับลักษณะทางคลินิกของผู้ป่วย LN พบว่า MCP-1, IP-10, VEGF, NGAL และ TBX-21 มีปริมาณ mRNA ในปัสสาวะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน active LN และลดลงใน non-active LN ส่วน GATA-3 พบว่ามีระดับ mRNA ในปัสสาวะลดลงอย่างมีนัยสำคัญใน active LN และเพิ่มขึ้นใน non-active LN ส่วนในยีน FoxP3 เนื่องจากประสิทธิภาพของเทคนิค RT-qPCR มีค่า Efficiency ต่ำ จึงไม่รวมการศึกษายีน FoxP3 ในปัสสาวะของผู้ป่วย LN ในงานวิจัยนี้</p> นันทวัน วงศ์ชิดวรรณ, ยิ่งยศ อวิหิงสานนท์ , วรรณงาม กิจธนามงคลชัย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 SciTech Research Journal https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/jstrmu/article/view/259823 Sun, 31 Aug 2025 00:00:00 +0700