วารสารวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/sciencenrrujournal <p><strong>ภาษาไทย</strong> : วารสารวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา<br /><strong>English</strong> : Science and Technology Research Journal Nakhon Ratchasima Rajabhat University</p> <p>ISSN 3088-1870 (Online)</p> <p><strong>การรับรองคุณภาพวารสาร</strong><br />วารสารวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีม<strong>า </strong>ผ่านการรับรองคุณภาพของ ศูนย์ดัชนีอ้างอิงวารสารไทย Thai-Journal Citation Index Centre (TCI) ถึง 31 ธันวาคม 2572 อยู่ในฐานข้อมูล TCI กลุ่มที่ 2</p> <p><strong>บรรณาธิการ</strong><br />ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิราวรรณ อุ่นเมตตาอารี </p> <p><strong>อัตราค่าลงทะเบียนตีพิมพ์</strong> <strong>(<a href="https://drive.google.com/file/d/1wFB6aA-aJXcKj8Z5TE5Gg9NKF71bzKek/view?usp=sharing" target="_blank" rel="noopener">อ่านประกาศเพิ่มเติม</a>)</strong></p> <p>1. เมื่อผู้นิพนธ์ส่งบทความเข้าสู่ระบบของวารสารวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา บทความผ่านการพิจารณาเบื้องต้นจากกองบรรณาธิการ และผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก <strong>"ให้ตอบรับการตีพิมพ์"</strong> กองบรรณาธิการจะแจ้งให้ผู้นิพนธ์ ชำระค่าลงทะเบียนตีพิมพ์ หลังจากบทความผ่านการพิจารณาเบื้องต้น โดยมีอัตราค่าลงทะเบียนตีพิมพ์ ดังนี้ <br /> 1.1 บุคคลภายใน ค่าลงทะเบียน 2,500 บาทต่อบทความ<br /> 1.2 บุคคลภายนอก ค่าลงทะเบียน 3,000 บาทต่อบทความ</p> <p>2. กรณีกองบรรณาธิการแจ้งผ่านการพิจารณาเบื้่องต้น แต่บทความของผู้นิพนธ์ได้รับการ "<strong>ปฏิเสธการตีพิมพ์จากผู้ทรงคุณวุฒิภายนอก"</strong> กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ <strong>"ไม่คืนค่าใช้จ่ายทั้งหมด"</strong></p> <p>3. กรณีบทความที่กองบรรณาธิการพิจารณาเบื้องต้นให้ <strong>“ปฏิเสธการตีพิมพ์”</strong> ผู้นิพนธ์ <strong>“ไม่ต้องชำระค่าลงทะเบียนตีพิมพ์”</strong></p> <p>4. ห้ามผู้นิพนธ์ชำระเงินก่อนได้รับการยืนยันผลการพิจารณาเบื้องต้นจากบรรณาธิการ ทั้งนี้ หากชำระเงินมาก่อน แต่บทความของท่าน <strong>“ไม่ผ่านการพิจารณาเบื้องต้น”</strong> กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ <strong>"ไม่คืนค่าใช้จ่ายทั้งหมด"</strong></p> <p>5. กรณีผู้นิพนธ์ยกเลิกหรือขอถอนบทความออกจากระบบหลังจากที่ชำระค่าลงทะเบียนตีพิมพ์แล้ว กองบรรณาธิการขอสงวนสิทธิ์ <strong>"ไม่คืนค่าใช้จ่ายทั้งหมด"</strong></p> <p><span data-contrast="auto"><strong>นโยบายและขอบเขตการตีพิมพ์</strong> : วารสารนี้รับผลงานทางวิชาการที่เป็นต้นฉบับในรูปบทความวิจัย บทความวิจัยสื่อสารอย่างสั้น และบทความวิชาการปริทรรศน์ สามารถส่งได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ มีขอบเขตบทความวิจัยที่สามารถลงตีพิมพ์ ได้แก่ วิทยาศาสตร์กายภาพและชีวภาพ วิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และวิทยาศาสตร์เพื่อสังคมและชุมชน รูปแบบการอ้างอิง หรือ บรรณานุกรม ให้ใช้รูปแบบ <span class="fontstyle0">APA 7</span><span class="fontstyle0">th </span><span class="fontstyle0">edition</span> Style (<a href="https://drive.google.com/file/d/1VpuWe0DdkkxQpACHkKi-29hFKyYPVjuj/view">รายละเอียดเพิ่มเติม</a>)</span></p> <p><span data-contrast="auto"><strong>กระบวนการพิจารณาบทความ</strong> : บทความทุกบทความจะต้องผ่านการพิจารณาจากผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีความเชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ จากหลากหลายสถาบัน โดยผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อย 3 ท่านต่อ 1 บทความ แบบผู้แต่งและผู้ทรงคุณวุฒิไม่ทราบชื่อ (Double-blinded review) </span></p> <p><strong>กำหนดออก ปีละ 2 ฉบับ </strong><br />ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม – มิถุนายน <br />ฉบับที่ 2 เดือนกรกฎาคม – ธันวาคม</p> th-TH <p>เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ <br>บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสารวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ก่อนเท่านั้น</p> sci.vijai@nrru.ac.th (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จิราวรรณ อุ่นเมตตาอารี) sci.vijai@gmail.com (นางสาวธมนวรรณพร ค้าคุ้ม (ผู้จัดการวารสาร)) Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การเปรียบเทียบลักษณะทางพฤกษศาสตร์ที่สำคัญบางประการและการสะสมคาร์บอนในมวลชีวภาพของอะโวคาโดพันธุ์ฟูเอร์เต้และบัคคาเนียร์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/sciencenrrujournal/article/view/256783 <p> งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบลักษณะทางพฤกษศาสตร์ที่สำคัญของอะโวคาโด และประสิทธิภาพการเก็บกักคาร์บอนไว้ในมวลชีวภาพของอะโวคาโดสายพันธุ์ฟูเอร์เต้และบัคคาเนียร์ ในพื้นที่อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ การศึกษาลักษณะทางพฤกษศาสตร์ได้ทำการสำรวจลักษณะใบ ผล และลำต้นของอะโดวาโดทั้ง 2 สายพันธุ์ๆ ละ 5 ต้น การศึกษาการเก็บกักคาร์บอนในมวลชีวภาพทำการวัดเส้นผ่านศูนย์กลางระดับอกและความสูงของต้นอะโวคาโดแต่ละสายพันธุ์ในแปลงขนาด 20x40 ตารางเมตร เพื่อนำมาคำนวณหามวลชีวภาพเหนือพื้นดินด้วยการใช้สมการอัลโลเมตรี เก็บตัวอย่างชิ้นส่วนพืชเพื่อนำวิเคราะห์หาค่าคงที่ของปริมาณคาร์บอน จากนั้นนำมาคำนวณหาปริมาณคาร์บอนที่สะสมไว้ในมวลชีวภาพของอะโวคาโดต่อพื้นที่ ผลการศึกษาพบว่าอะโวคาโดทั้ง 2 สายพันธุ์มีลักษณะสำคัญๆ ดังนี้ อะโวคาโดสายพันธุ์บัคคาเนียร์มีผลเป็นแบบผลเดี่ยว น้ำหนัก 295-305 กรัม ผิวของผลเรียบ ผลสุกมีสีเขียว ใบมีลักษณะรูปรี ปลายใบเป็นแบบปลายแหลม ระยะห่างระหว่างก้านใบบริเวณปลายกิ่งถี่ ส่วนลักษณะเด่นของอะโวคาโดสายพันธุ์ฟูเอร์เต้ คือ ผลเดี่ยวผิวเรียบ ผลสุกมีสีม่วง น้ำหนักของผลสูงกว่าพันธุ์บัคคาเนียร์ ใบรูปรี ปลายใบเป็นแบบปลายเรียวแหลม ก้านใบบริเวณปลายกิ่งมีระยะห่างค่อนข้างมาก ผลการเปรียบเทียบค่าคงที่ของปริมาณคาร์บอนพบว่าค่าคงที่ของปริมาณคาร์บอนของอะโวคาโดสายพันธุ์ บัคคาเนียร์ต่ำกว่าสารพันธุ์ฟูเอร์เต้ แต่ปริมาณการสะสมคาร์บอนในมวลชีวภาพเหนือดินต่อพื้นที่ของอะโวคาโดสายพันธุ์บัคคาเนียร์มีค่าสูงกว่าสายพันธุ์ฟูเอร์เต้ ดังนั้นการส่งเสริมการปลูกอะโวคาโดโดยเฉพาะสายพันธุ์บัคคาเนียร์จะมีส่วนช่วยในการเพิ่มการกักเก็บคาร์บอนไว้ในมวลชีวภาพได้ดีกว่าสายพันธุ์ฟูเอร์เต้</p> พวงผกา แก้วกรม, นพฤทธิ์ ไวว่อง, สุรางค์รัตน์ พันแสง ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/sciencenrrujournal/article/view/256783 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลสำหรับการดูแลผู้สูงอายุตามหลัก 4 อ. (ยา 8 ขนาน) https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/sciencenrrujournal/article/view/256446 <p> การวิจัยครั้งนี้มีเป้าหมายคือ การพัฒนานวัตกรรมดิจิทัลสำหรับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุด้วยการบูรณาการองค์ความรู้ในการดูแลผู้สูงอายุตามหลัก 4 อ. (ยา 8ขนาน) ร่วมกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัยประกอบด้วยเทคโนโลยีโลกเสมือนจริง เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และแนวคิดการเล่นเกม เป้าหมาย ที่ (1) การยกระดับองค์ความรู้ 4 อ. ยา 8 ขนาน ให้มีความทันสมัย เข้าถึงง่ายและใช้งานง่ายในรูปแบบนวัตกรรมดิจิทัล เป้าหมายที่ (2) การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรมดิจิทัลสถิติที่ใช้ในการวิจัย คือ ค่าเฉลี่ย</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) การพัฒนาต้นแบบนวัตกรรมดิจิทัลสำหรับการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุตามหลัก 4 อ. (ยา 8 ขนาน) ประกอบด้วยสามส่วน คือ หนังสือมีชีวิตสําหรับการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ระบบแชทบอทสําหรับการจัดการด้านสุขภาพของผู้สูงอายุ และ แอพพลิเคชั่นเกมการออกกำลังกายบนโทรศัพท์มือถือ 2) ผลการประเมินความพึงพอใจของต้นแบบ โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามในครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 60 คน ภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก (X=3.67)</p> อุษานาฎ เอื้ออภิสิทธิ์วงศ์, ธีรพงษ์ สังข์ศรี, ธีรศักดิ์ สังข์ศรี, ธัชวัสส์ ตั้งตรงขันติ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/sciencenrrujournal/article/view/256446 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700 ปรสิตภายในทางเดินอาหารของปลาทูตัวสั้น (Rastrelliger brachysoma) จากตลาดชุมชน เทศบาลตำบลแสนสุข จังหวัดชลบุรี https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/sciencenrrujournal/article/view/256796 <p> การศึกษาปรสิตภายในทางเดินอาหารของปลาทูตัวสั้น (<em>Rastrelliger brachysoma</em>) ที่ได้จากตลาดสดชุมชนเทศบาลตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ.2566 ถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2567 เป็นระยะเวลา 4 เดือน โดยรวบรวมปลาทูเดือนละ 1 ครั้งๆ ละ 9 ตัว ซึ่งมีน้ำหนักเฉลี่ย 70.97±9.71 กรัม มีความยาวลำตัวเฉลี่ย 18.31±0.72 เซนติเมตร ผลการศึกษาพบปรสิตในปลาทุกตัวจากตัวอย่างปลาทั้งหมด 36 ตัว (100 เปอร์เซนต์) โดยตรวจพบปรสิตภายในจำนวน 2 กลุ่ม ในทางเดินอาหารของปลาทูประกอบด้วยตัวอ่อนพยาธิตัวกลม <em>Anisakis</em> sp. และใบไม้กลุ่มไดจีน 3 สกุลได้แก่ <em>Lecithocladium</em> sp<em>., Opechona</em> sp<em>.</em>, และ <em>Prodistomum</em> sp. ความชุกของพยาธิทั้งหมด (prevalence) ที่ทำการศึกษาในแต่ละเดือนเท่ากันคือ 100 เปอร์เซนต์โดยความหนาแน่นเฉลี่ย (mean intensity) สูงสุดในเดือนมกราคม รองลงมาคือ เดือนตุลาคม ธันวาคม และพฤศจิกายน ด้วยค่า 99.89, 75.89, 63.56 และ 44.89 ตัวต่อปลาหนึ่งตัว ตามลำดับตรวจพบปลาทูจำนวน 19 ตัว ติดเชื้อพยาธิทั้ง 2 กลุ่มและปลาจำนวน 17 ตัว ติดเฉพาะเชื้อพยาธิใบไม้ คิดเป็นความชุกชุม 52.78 เปอร์เซนต์ และ 47.22 เปอร์เซนต์ ตามลำดับ สำหรับความหนาแน่นเฉลี่ยของพยาธิตัวกลมอะนิสซาคิส มีค่าเท่ากับ 2.16 ตัวต่อปลาหนึ่งตัว ขณะที่ค่าความหนาแน่นเฉลี่ยของพยาธิใบไม้กลุ่มไดจีนที่พบในปลาแต่ละตัวมีค่า 148 ตัวต่อปลาหนึ่งตัว ปลาที่ติดเชื้อพยาธิอาจมีสุขภาพอ่อนแอและเจริญเติบโตช้าได้</p> นุชจรินทร์ แกล้วกล้า, พฤกษชาติ เจริญจิตร, สุรีย์พร ธรรมิกพงษ์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/sciencenrrujournal/article/view/256796 Tue, 01 Jul 2025 00:00:00 +0700 การลอยตัวในน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดในเด็กและเยาวชน https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/sciencenrrujournal/article/view/257780 <p> บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอการลอยตัวในน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดสำหรับเด็กและเยาวชนที่ยังว่ายน้ำ ไม่เป็นการเรียนรู้การลอยตัวในน้ำเป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันการจมน้ำ การพัฒนาทักษะการลอยตัวในน้ำจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์เพื่อเข้าใจกลไกที่เกี่ยวข้องกับร่างกายในการลอยตัวในน้ำ ปัจจัยที่มีผลต่อการลอยตัว 1) ความหนาแน่นของกระดูก 2) จำนวนไขมันในกล้ามเนื้อ 3) ความจุปอด การลอยตัวในน้ำเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญในการเอาชีวิตรอดจากการจมน้ำและป้องกันอันตรายจากน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เริ่มเรียนว่ายน้ำ เพราะช่วยให้รอดพ้นจากอันตรายโดยไม่ต้องใช้แรงมาก ซึ่งส่งผลให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาความสามารถพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว</p> <p> ทักษะการลอยตัวในน้ำ ได้แก่ 1) การลอยตัวท่าลูกหมาตกน้ำ 2) ท่าปลาดาวแบบคว่ำ 3) ท่าแมงกระพรุน 4) ท่าผีจีน 5) ท่าปลาเข็ม 6) ท่าแม่ชีลอยน้ำ ควรนำทักษะการลอยตัวในน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดไปใช้ในการพัฒนาการจัดการเรียนการสอน และเป็นข้อมูลสำหรับอาจารย์ ครูผู้สอนและผู้ฝึกสอนว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดเพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนเกี่ยวกับการเรียนการสอนการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดและการเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยในน้ำ</p> สมยศ บ่อน้อย, กิจจ์ศรัณย์ จันทร์โป๊ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิจัย วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0/ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/sciencenrrujournal/article/view/257780 Sun, 29 Jun 2025 00:00:00 +0700