วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/stouscitech
<p>1. เพื่อเผยแพร่ผลงานการวิจัยและผลงานวิชาการให้ทันสมัยและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง<br />2. เพื่อเป็นสื่อกลางและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางวิชาการให้เกิดความก้าวหน้าทางวิชาการ<br />3. เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพทางวิชาการของบุคลากรทั้งภายในและภายนอกวิทยาลัย</p>
สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
th-TH
วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2773-9600
-
ปก
https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/stouscitech/article/view/260067
<p>-</p>
somphon pengranai
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2025-06-30
2025-06-30
5 1
-
ส่วนหน้า
https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/stouscitech/article/view/260062
<p>-</p>
somphon pengranai
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2025-06-30
2025-06-30
5 1
-
สารบัญ
https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/stouscitech/article/view/260064
<p>-</p>
somphon pengranai
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2025-06-30
2025-06-30
5 1
-
การศึกษาการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมาตรการลดผลกระทบ กรณีศึกษาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดระยอง
https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/stouscitech/article/view/259172
<p>งานวิจัยฉบับนี้ศึกษาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง โดยใช้ข้อมูลตลอดปี พ.ศ. 2567 ในการวิเคราะห์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตไฟฟ้า ตามเอกสาร แนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรการแบ่งแหล่งการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ (1) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Scope 1) (2) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Scope 2) และ (3) การปล่อย ก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากแหล่งอื่นๆ (Scope 3) โดยอาศัยข้อมูลทั้งจากแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ ซึ่งเก็บรวบรวมจากกิจกรรมของโรงไฟฟ้าภายในช่วงเดือนมกราคมถึงธันวาคม พ.ศ. 2567 ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมจากกิจกรรมภายในโรงไฟฟ้าดังกล่าวมีค่าเท่ากับ 424,240 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO<sub>2</sub>eq) แยกเป็นการปล่อย ก๊าซเรือนกระจกทางทางตรง (Scope 1) จำนวน 331,513 tCO<sub>2</sub>eq จากปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากการใช้พลังงาน (Scope 2) จำนวน 119 tCO<sub>2</sub>eq และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมจากแหล่งอื่นๆ (Scope 3) จำนวน 92,608 tCO<sub>2</sub>eq ตามลำดับ จากผลการวิเคราะห์พบว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนใหญ่เกิดจากกระบวนการผลิตไฟฟ้า ความร้อน และไอน้ำ ทั้งที่ใช้ภายในองค์กรและเพื่อจำหน่ายให้แก่ผู้ใช้งานภายนอก ตลอดจนการสูญเสียที่เกิดขึ้นระหว่างการส่งผ่านพลังงาน กระบวนการดังกล่าวมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหลัก ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO<sub>2</sub>) มีเทน (CH<sub>4</sub>) และไนตรัสออกไซด์ (N<sub>2</sub>O) ด้วยเหตุผลดังกล่าว องค์กรควรพิจารณานำแนวทางหรือเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการผลิตไฟฟ้า โดยพิจารณาทั้งความเหมาะสมต่อกระบวนการผลิตและความคุ้มค่าของการลงทุน</p>
สมบูรณ์ ใจประการ
ชนกานต์ สกุลแถว
ธารทิพย์ ทองมี
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2025-06-30
2025-06-30
5 1
1
18
-
การพัฒนาระบบสารสนเทศสำหรับการรับสมัครออนไลน์ : กรณีศึกษา โรงเรียนเซนต์จอห์นท่าบม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/stouscitech/article/view/259126
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาระบบสารสนเทศสำหรับการรับสมัครออนไลน์ กรณีศึกษา โรงเรียนเซนต์จอห์นท่าบม อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย 2) ประเมินประสิทธิภาพของระบบสารสนเทศสำหรับการรับสมัครออนไลน์ 3) ศึกษาความพึงพอใจของระบบสารสนเทศสำหรับการรับสมัครออนไลน์ มีกลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5 คน ในการประเมินคุณภาพ และผู้สมัครเรียน จำนวน 400 คน ในการประเมินความพึงพอใจ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) แบบประเมินประสิทธิภาพ 2) แบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า 1) ระบบสามารถช่วยบริหารจัดการข้อมูลการรับสมัคร ในรูปแบบของเว็บแอปพลิเคชันที่รองรับการทำงานในทุกแพลตฟอร์ม ทั้งในส่วนของผู้ดูแลระบบ ครูบุคลากร และผู้สมัคร เพื่อให้กระบวนการรับสมัครเรียนเป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ โดยเฉพาะการใช้ระบบที่ช่วยในการจัดการข้อมูลผู้สมัคร การตรวจสอบสถานะการชำระเงิน และการติดตามข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2) ประสิทธิภาพของระบบอยู่ในระดับดี ระบบทำงานได้อย่างถูกต้อง มีฟังก์ชันตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน มีประสิทธิภาพสูงสะดวกและใช้งานง่าย พร้อมทั้งมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง 3) ผู้ใช้มีความพึงพอใจต่อระบบอยู่ในระดับมากที่สุด ระบบทำงานมีประสิทธิภาพและมีประโยชน์ต่อการนำไปใช้</p>
ชรินทร์ญา หวังวัชรกุล
ชวลิต ยศสุนทร
ณัฐพล เพาะพืช
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2025-06-30
2025-06-30
5 1
19
35
-
การหาสภาวะที่เหมาะสมของผลผลิตไบโอชาร์จากกากข้าวโพดหวานผ่านกระบวนการ ไพโรไลซิสแบบช้าด้วยการวิเคราะห์พื้นผิวตอบสนอง
https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/stouscitech/article/view/259136
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อหาสภาวะที่เหมาะสมของกระบวนการผลิตไบโอชาร์จากกากข้าวโพดหวานผ่านกระบวนการไพโรไลซิสแบบช้า การออกแบบการทดลองใช้เทคนิค Box-Behnken Design (BBD) เพื่อตรวจสอบผลกระทบของอุณหภูมิไพโรไลซิส อัตราการให้ความร้อน และระยะเวลาคงอุณหภูมิ ต่อร้อยละผลผลิตของไบโอชาร์ จากการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์พื้นผิวตอบสนอง และพัฒนาเป็นแบบจำลองกำลังสอง พบว่าอุณหภูมิไพโรไลซิสมีผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อร้อยละผลได้ และมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยทั้งสามอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งนี้สภาวะที่เหมาะสมที่สุดคือการผลิตไบโอชาร์คือที่อุณหภูมิ 300 °C อัตราการให้ความร้อน 2 °C/นาที และระยะเวลาคงอุณหภูมิ 2 ชั่วโมง ซึ่งให้ผลผลิตไบโอชาร์สูงสุดถึง 49.2% จากการตรวจสอบความถูกต้องของแบบจำลองด้วยการทดลองเพิ่มเติม 10 จุด แสดงให้เห็นถึงความแม่นยำสูงของแบบจำลองที่ได้ โดยมีค่าเฉลี่ยความแตกต่างสัมบูรณ์เพียง 1.97%</p>
นพดล ปั้นจันทร์
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2025-06-30
2025-06-30
5 1
36
47
-
แบบจำลองการพยากรณ์การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ โดยอาศัยวิธีการหน่วยความจำระยะสั้นแบบยาวและเอ็กซ์ตรีมเกรเดียนต์บูสติ้ง
https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/stouscitech/article/view/259533
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาวิธีการและสร้างแบบจำลองการพยากรณ์การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ โดยอาศัยวิธีการหน่วยความจำระยะสั้นแบบยาวและเอ็กซ์ตรีมเกรเดียนต์บูสติ้ง และ (2) ประเมินประสิทธิภาพของแบบจำลองการพยากรณ์การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ โดยอาศัยวิธีการหน่วยความจำระยะสั้นแบบยาวและเอ็กซ์ตรีมเกรเดียนต์บูสติ้ง วิธีการวิจัยดำเนินตามกระบวนการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้ ขั้นตอนแรก เก็บรวบรวมข้อมูลการผลิตพลังงานไฟฟ้าและข้อมูลจากเซนเซอร์ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึง ตุลาคม พ.ศ. 2566 จำนวน 6,511 ระเบียน และ 11 คุณลักษณะ ขั้นตอนที่สอง การคัดเลือกคุณลักษณะและการจำแนกประเภท โดยประยุกต์ใช้วิธีการแบบผสมผสานด้วยอัลกอริทึมการเรียนรู้เชิงลึก 2 อัลกอริทึม ได้แก่ 1) หน่วยความจำระยะสั้นแบบยาว (LSTM) สำหรับการจดจำข้อมูลในระยะยาวตามอนุกรมเวลา และ 2) เอ็กซ์ตรีมเกรเดียนต์บูสติ้ง (XGBoost) สำหรับการเรียนรู้จากชุดข้อมูลที่ไม่แน่นอนและการพยากรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และขั้นตอนที่สาม การประเมินประสิทธิภาพของแบบจำลองโดยใช้ตัวชี้วัด ได้แก่ การวัดค่าเฉลี่ยของผลต่างสัมบูรณ์ (MAE) ค่าเฉลี่ยความผิดพลาดกำลังสอง (MSE) และรากที่สองของค่าเฉลี่ยความผิดพลาดกําลังสอง (RMSE) สำหรับค่าผลลัพธ์ที่ได้จากแบบจำลองการพยากรณ์ ได้ค่า MAE เฉลี่ย 0.0577, MSE เฉลี่ย 0.0143 และ RMSE เฉลี่ย 0.1196 ซึ่งแสดงถึงค่าที่เหมาะสมในสถานการณ์จริง</p>
อดิเรก ปั้นบุญ
วฤษาย์ ร่มสายหยุด
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2025-06-30
2025-06-30
5 1
48
65
-
ส่วนท้าย
https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/stouscitech/article/view/260068
<p>-</p>
somphon pengranai
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
2025-06-30
2025-06-30
5 1