คุรุสภาวิทยาจารย์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal <p> <strong>คุรุสภาวิทยาจารย์</strong></p> <p> วารสารคุรุสภาวิทยาจารย์มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่บทความวิชาการและบทความวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ ด้านสังคมศาสตร์ และด้านมนุษยศาสตร์ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาวิชาชีพครู และบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเปลี่ยนแปลง สร้างความตระหนัก และให้ความสำคัญ รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และวิชาชีพทางการศึกษา</p> <p><strong>รูปแบบการกลั่นกรองบทความก่อนลงตีพิมพ์ (Peer reviews) </strong></p> <p><strong> (Double-blind peer review) <br /></strong> - ผู้ประเมินบทความ (Reviewer) ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง (Author) <br /> - ผู้แต่ง (Author) ไม่ทราบชื่อผู้ประเมิน (Reviewer)</p> <p><strong>จำนวนผู้ทรงคุณวุฒิในการพิจารณา <br /></strong> 2 ท่าน<br /><strong>การจัดทำวารสารคุรุสภาวิทยาจารย์<br /></strong> ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม – เมษายน (เผยแพร่สิ้นเดือนเมษายน)<br /> ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม (เผยแพร่สิ้นเดือนสิงหาคม)<br /> ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม (เผยแพร่สิ้นเดือนธันวาคม)</p> <p><strong>กำหนดตีพิมพ์ฉบับละ 10 บทความ<br /></strong> บทความวิชาการ 1 - 2 บทความ<br /> บทความวิจัย 7 - 8 บทความ </p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการลงบทความในวารสาร<br /> * ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการลงบทความในวารสาร*</strong></p> <p><strong>รูปแบบการอ้างอิงเอกสาร<br /> * รูปแบบ APA 7 *</strong></p> สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ th-TH คุรุสภาวิทยาจารย์ 1513-1912 <p>เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารคุรุสภาวิทยาจารย์ ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการคุรุสภาวารสารไม่จาเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคุรุสภาวิทยาจารย์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารคุรุสภาวิทยาจารย์ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนาทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทาการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากวารสารคุรุสภาวิทยาจารย์ก่อนเท่านั้น</p> ผลของการสอนโดยใช้การเรียนรู้แบบทีมเป็นฐานที่มีต่อความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/251719 <p>การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้การเรียนรู้แบบทีมเป็นฐานที่มีต่อความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และ ความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการเรียนภาษาอังกฤษโดยใช้การเรียนรู้แบบทีมเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 14 คน จากโรงเรียนชุมชนบ้านกุดม่วง อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการสอน แบบทดสอบความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษ และแบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีแบบไม่อิสระ (t-test for Dependent)</p> ศรันญา ตั้งนารี Copyright (c) 2024 คุรุสภาวิทยาจารย์ 2024-04-30 2024-04-30 5 1 41 51 การพัฒนาหน่วยการเรียนรู้บูรณาการเรื่อง ป่าเขา ลำน้ำ วิถีชีวิต ชุมชนลุ่มน้ำเจียง เพื่อสร้างจิตสำนึกการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยกระบวนการทางภูมิศาสตร์บนฐานการเรียนรู้ของชุมชน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/251529 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนาหน่วยการเรียนรู้บูรณาการเรื่อง ป่าเขา ลำน้ำ วิถีชีวิตชุมชนลุ่มน้ำเจียง 2) พัฒนาจิตสำนึกการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น และ 3) พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยกระบวนการทางภูมิศาสตร์บนฐานการเรียนรู้ของชุมชน ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนหนองหญ้าปล้องโนนคูณวิทยา จำนวนทั้งหมด 17 คน เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน (Action Research) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ 1) ข้อมูลเชิงคุณภาพ เป็นการรวบรวมข้อมูลจากการสังเกตพฤติกรรม การสัมภาษณ์ และการสะท้อนคิดของนักเรียน 2) ข้อมูลเชิงปริมาณ เป็นการรวบรวมข้อมูลจากแบบทดสอบท้ายวงจร แบบวัดจิตสำนึกการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ เพื่อนำมาหาค่าเฉลี่ย ร้อยละและเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้</p> ปรีชาพล กำแพงทิพย์ Copyright (c) 2024 คุรุสภาวิทยาจารย์ 2024-04-30 2024-04-30 5 1 52 65 การพัฒนาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุก ร่วมกับเกม Quizizz และหนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด “ตำนานกระบี่” ผ่านโปรแกรม Google Classroom สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/252353 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ออกแบบและหาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ตามเกณฑ์ 80/80 2) เปรียบเทียบทักษะการอ่านจับใจความสำคัญของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังเรียน 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียน<br />เมืองกระบี่ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 38 คน ได้มาโดยแบบสุ่มกลุ่ม ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1) แผนการจัดการเรียนรู้ 2) หนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด “ตำนานกระบี่” 3) เกม Quizizz 4) แบบวัดทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ 5) โปรแกรม Google Classroom และ 6) แบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละ และทดสอบสมมติฐานการทดสอบค่า t แบบ Dependent Samples t-test</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) การจัดการเรียนรู้เชิงรุกตามที่ออกแบบมีประสิทธิภาพเท่ากับ 84.25/85.66 ตามเกณฑ์ 80/80 2) ผลคะแนนวัดทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่จัดการเรียนรู้เชิงรุกตามที่ออกแบบ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ 0.01 และ 3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุกการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ร่วมกับเกม Quizizz และหนังสือส่งเสริมการอ่าน ชุด “ตำนานกระบี่” ผ่านโปรแกรม Google Classroom ตามที่ออกแบบ ภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด</p> ภุชงค์ เสือทอง พัชลินจ์ จีนนุ่น อมลวรรณ วีระธรรมโม Copyright (c) 2024 คุรุสภาวิทยาจารย์ 2024-04-30 2024-04-30 5 1 66 79 การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/251225 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD ระหว่างหลังเรียนและก่อนเรียน และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจต่อการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องความน่าจะเป็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เทคนิค STAD กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/5 โรงเรียนราชดำริ จำนวน 27 คน เครื่องมือวิจัยได้แก่ แผนการพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ และแบบสำรวจความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (<em>M</em>) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (<em>SD</em>) และการทดสอบแบบ dependent t-test</p> กมลภัทร นิ่มน้อย สุริยัน เขตบรรจง Copyright (c) 2024 คุรุสภาวิทยาจารย์ 2024-04-30 2024-04-30 5 1 80 95 การพัฒนาระบบบริหารจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการธุรกิจดิจิทัล โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบผสมผสานสำหรับผู้เรียนระดับอุดมศึกษา https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/249192 <p>วัตถุประสงค์การวิจัยครั้งนี้ 1) เพื่อพัฒนาและหาคุณภาพของระบบบริหารจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการธุรกิจดิจิทัลโดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบผสมผสานสำหรับผู้เรียนระดับอุดมศึกษา 2) เพื่อหาประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และค่าดัชนีประสิทธิผล 3) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 4) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้เรียนที่มีต่อการเรียนด้วยระบบที่พัฒนาขึ้น การวิจัยนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาคเรียนที่ 3 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 23 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไอซีทีและนวัตกรรมทางการศึกษา จำนวน 9 คน โดยการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้สำหรับการวิจัย คือ 1) ระบบบริหารจัดการเรียนรู้ 2) แบบประเมินคุณภาพ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เรียน 5) แบบสัมภาษณ์ความคิดเห็นของผู้เรียน และ 6) แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าสถิติ<br />ทดสอบที</p> ปัณฑ์ชณิช เพ่งผล พงษ์ศักดิ์ ผกามาศ Copyright (c) 2024 คุรุสภาวิทยาจารย์ 2024-04-30 2024-04-30 5 1 96 111 ปัจจัยการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลของโรงพยาบาลร่วมสอนภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพบำบัด คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดล https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/252103 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ปัจจัยการบริหารที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลของโรงพยาบาลร่วมสอน 2) ประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ให้แก่นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 6 3) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการบริหารกับประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ และ 4) ปัจจัยการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่างได้แก่ อาจารย์ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อาจารย์โรงพยาบาลร่วมสอน นักศึกษาแพทย์ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลร่วมสอน จำนวน 211 คน โดยการสุ่มอย่างง่าย ปัจจัยการบริหารที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ของโรงพยาบาลร่วมสอน ในยุคดิจิทัล ได้แก่ ภาวะผู้นำด้านเทคโนโลยีดิจิทัล การนำนโยบายสู่การปฏิบัติ ทรัพยากรการศึกษา การพัฒนาบุคลากร สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ และการเสริมสร้างเครือข่ายทางดิจิทัล</p> <p>ผลการวิจัย พบว่า 1) ปัจจัยการบริหารอยู่ในระดับมากทุกด้าน 2) ประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้โดยรวม อยู่ในระดับมาก 3) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการบริหารกับประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ มีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับสูงทุกด้าน (p&lt;.01) และ 4) ปัจจัยการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัลของโรงพยาบาลร่วมสอน ดังนี้ การพัฒนาบุคลากร สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ การเสริมสร้างเครือข่ายทางดิจิทัล และการนำนโยบายสู่การปฏิบัติตามลำดับ โดยสามารถพยากรณ์ประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ในยุคดิจิทัล ได้ร้อยละ 54.30</p> อริสรา เพชรเก่า รองศาสตราจารย์ ดร.สุทธิวรรณ ตันติรจนาวงศ์ ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์วิทเชษฐ์ พิชัยศักดิ์ Copyright (c) 2024 คุรุสภาวิทยาจารย์ 2024-04-30 2024-04-30 5 1 112 124 ปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความทุ่มเทในการจัดการเรียนรู้ของข้าราชการครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/251739 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยเชิงสาเหตุที่มีอิทธิพลต่อความทุ่มเทในการจัดการเรียนรู้ของข้าราชการครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์เขต 3 ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ข้าราชการครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3 ประจำปีการศึกษา 2566 จำนวน 360 คน ได้จากการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสมการโครงสร้าง</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า โมเดลที่พัฒนาขึ้นมีความสอดคล้องกับข้อมูลเชิงประจักษ์โดยมีดัชนีชี้วัด ความกลมกลืน คือ χ<sup>2</sup> = 49.75, df = 62, χ<sup>2</sup>/df = .802, P = .869, RMSEA = .000, CFI = 1.000, GFI = .983, AGFI = .963, RMR = .018 และตัวแปรที่มีอิทธิพลทางตรงต่อความทุ่มเทในการจัดการเรียนรู้<br />ของข้าราชการครู คือ การรับรู้ความสามารถของตนเอง ตัวแปรที่มีอิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อความทุ่มเทในการจัดการเรียนรู้ของข้าราชการครู คือ คุณภาพชีวิตในการทำงาน และเจตคติต่อวิชาชีพครู ส่วนตัวแปรที่มีอิทธิพลทางอ้อมต่อความทุ่มเทในการจัดการเรียนรู้ของข้าราชการครู คือ แรงจูงใจ<br />ในการจัดการเรียนรู้โดยกลุ่มตัวแปรในโมเดลสามารถร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของความทุ่มเทในการจัดการเรียนรู้ของข้าราชการครูได้ร้อยละ 58.10</p> จิรศักดิ์ วิยาสิงค์ พัชรินทร์ เกรัมย์ วิไลวรรณ พันธุ์ไชย์ สุชาติ หอมจันทร์ Copyright (c) 2024 คุรุสภาวิทยาจารย์ 2024-04-30 2024-04-30 5 1 125 140 การศึกษาวิธีปฏิบัติที่ดีในการหนุนเสริมด้วย S.A.V.E. Model สำหรับโรงเรียนในโครงการครูรักษ์ถิ่น https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/252265 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาวิธีปฏิบัติที่ดีของการหนุนเสริมโรงเรียนในโครงการครูรักษ์ถิ่น ด้วย S.A.V.E Model และ 2) ศึกษาวิธีปฏิบัติที่ดีของโรงเรียนในโครงการครูรักษ์ถิ่นที่ได้รับการหนุนเสริมด้วย S.A.V.E Model กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ทีมหนุนเสริม จำนวน 12 คน และโรงเรียนในโครงการครูรักษ์ถิ่น <br />จำนวน 4 โรงเรียน ใน 4 ภูมิภาค ใช้วิธีการเลือกแบบเจาะจง มีผู้ให้ข้อมูลแต่ละโรงเรียน จำนวน 3 คน ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาและครู เก็บข้อมูลโดยใช้แบบสนทนากลุ่มและแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p> ผลการวิจัย พบว่า 1) วิธีปฏิบัติที่ดีของการหนุนเสริมโรงเรียนในโครงการครูรักษ์ถิ่นด้วย S.A.V.E Model ได้แก่ การร่วมเสนอแนวทาง (Solution: S) โดยการหนุนเสริมแบบกัลยาณมิตร และใช้ วPA ขับเคลื่อนการพัฒนา การเข้าถึงและพัฒนา (Access: A) โดยการสร้างแรงจูงใจให้กับครู และนำองค์ความรู้ที่สำคัญให้โรงเรียน กระจ่างชัดในคุณค่า (Value: V) โดยการค้นหาห้องเรียนติดดาว และให้วิเคราะห์ตนเอง การนำพาและต่อยอด (Encourage: E) โดยการสร้างเครือข่ายการพัฒนา และ 2) วิธีปฏิบัติที่ดีของโรงเรียนในโครงการครูรักษ์ถิ่นที่ได้รับการหนุนเสริมด้วยรูปแบบ S.A.V.E Model ได้แก่ PLC with Growth Mindset การใช้เทคนิค Lesson Study ให้ครูต้นแบบเป็นแบบอย่างในการจัดการเรียนการสอนเพื่อเป็นโค้ชให้กับครูท่านอื่น และมีกระบวนการนิเทศภายใน</p> สกาวรัตน์ ไกรมาก ศุภโชค ปิยะสันต์ คัชรินทร์ มหาวงศ์ นรินธน์ นนทมาลย์ Copyright (c) 2024 คุรุสภาวิทยาจารย์ 2024-04-30 2024-04-30 5 1 141 157 การพลิกโฉมการผลิตและพัฒนาครูในประเทศไทย https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/253254 <p>ครูเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการพัฒนาคน ความสำเร็จในการพัฒนาการศึกษาจึงขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการผลิตและพัฒนาครู ผู้เขียนได้นำเสนอประวัติและแนวทางการผลิตและพัฒนาครูของประเทศชั้นนำทางการศึกษาของโลก พร้อมทั้งข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการพลิกโฉม<br />การผลิตและพัฒนาครูของประเทศไทยเพื่อให้ประสบความสำเร็จว่าควรทำอย่างไร</p> ดิเรก พรสีมา Copyright (c) 2024 คุรุสภาวิทยาจารย์ 2024-04-30 2024-04-30 5 1 20 37 ACT: ความร่วมมือพัฒนาครูของสภาครูอาเซียน https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/253903 <p>สภาครูอาเซียน เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า ASEAN Council of Teachers ชื่อย่อว่า ACT ก่อตั้ง<br>เมื่อปี 2521 โดยประเทศในกลุ่มอาเซียน 5 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และประเทศไทย ได้หารือร่วมกันในระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การศึกษาเพื่อความเข้าใจอันดี <br>ความร่วมมือและสันติภาพระหว่างชาติ กับการศึกษาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน” ณ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ <br>24 พฤศจิกายน 2521 ในการประชุมครั้งนั้น ประเทศไทยโดยคุรุสภาได้ส่งนายสุรัฐ ศิลปอนันต์ อดีตรองเลขาธิการ<br>คุรุสภาไปร่วมประชุม ผลจากการหารือครั้งนั้นที่ประชุมได้มีมติให้จัดตั้งสภาครูอาเซียนขึ้น (สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา, 2522, น.19-20) สภาครูอาเซียนจึงถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา</p> จักรพรรดิ วะทา รจนา วงศ์ข้าหลวง ราณี จีนสุทธิ์ Copyright (c) 2024 คุรุสภาวิทยาจารย์ 2024-04-30 2024-04-30 5 1 1 16