คุรุสภาวิทยาจารย์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal <p> <strong>คุรุสภาวิทยาจารย์</strong></p> <p> คุรุสภาวิทยาจารย์เป็นวารสารที่มีนโยบายรับตีพิมพ์บทความวิจัยและบทความวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและการพัฒนาวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา ทางด้านวิทยาศาสตร์ ด้านสังคมศาสตร์ และด้านศึกษาศาสตร์ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ใหม่ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ การเปลี่ยนแปลง สร้างความตระหนักให้ความสำคัญกับนักเรียน ครู และการศึกษา เพื่อให้ครูปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ การพัฒนาและยกระดับจัดการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อศิษย์ และการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา รวมทั้งวิชาชีพการศึกษา เพื่อให้ผู้ประกอบวิชาชีพครูเป็นครูที่มีจิตวิญญาณความเป็นครู และมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงในการเข้าสู่วิชาชีพ เพื่อให้ผู้เรียนทุกช่วงวัยได้รับการพัฒนาทุกมิติตามศักยภาพและความถนัด ให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีคุณภาพ พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเพื่อให้วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา นิสิต นักศึกษา และนักวิจัย</p> <p><strong>ขอบเขตเนื้อหาการตีพิมพ์</strong><br /> รับตีพิมพ์บทความ จำนวน 3 สาขา ได้แก่ 1) ด้านวิทยาศาสตร์ 2) ด้านสังคมศาสตร์ 3) ด้านศึกษาศาสตร์</p> <p><strong>ประเภทบทความ (บทความภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)</strong><br /> 1. บทความวิจัย <br /> 2. บทความวิชาการ </p> <p><strong>รูปแบบการกลั่นกรองบทความก่อนลงตีพิมพ์ (Peer reviews) </strong></p> <p><strong> (Double-blind peer review) <br /></strong> - ผู้ประเมินบทความ (Reviewer) ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง (Author) <br /> - ผู้แต่ง (Author) ไม่ทราบชื่อผู้ประเมิน (Reviewer)</p> <p><strong>จำนวนผู้ทรงคุณวุฒิในการพิจารณา <br /></strong> ไม่น้อยกว่า 2 ท่าน<br /><br /><strong>กำหนดเผยแพร่<br /></strong> ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม – เมษายน (เผยแพร่ก่อนสิ้นเดือนมกราคม)<br /> ฉบับที่ 2 เดือนพฤษภาคม – สิงหาคม (เผยแพร่ก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคม)<br /> ฉบับที่ 3 เดือนกันยายน – ธันวาคม (เผยแพร่ก่อนสิ้นเดือนกันยายน)</p> <p><strong>กำหนดตีพิมพ์ฉบับละ 8-12 บทความ (๋<a href="https://drive.google.com/drive/folders/1P3PeUzdI9f2A_cSz71jqKjmB77k9tUfn?usp=share_link" target="_blank" rel="noopener">Journal Template</a>)<br /></strong> บทความวิจัย 7 - 11 บทความ และ<br /> บทความวิชาการ 1 - 2 บทความ</p> <p><strong>ค่าธรรมเนียมการลงบทความในวารสาร<br /></strong><em> ไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการลงบทความในวารสาร</em></p> <p><strong>รูปแบบการอ้างอิงเอกสาร<br /></strong> <a href="https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/about/submissions" target="_blank" rel="noopener">American Psychilogical Association (APA 7th Edition)</a></p> <p><strong>บรรณาธิการ</strong> <br /> <a href="https://search.tci-thailand.org/author.html?b3BlbkF1dGhvciZpZD04NjM0OCZhcnRpY2xlX2lkPTgxOTkxMw" target="_blank" rel="noopener">ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม</a> สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา</p> th-TH <p>เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสารคุรุสภาวิทยาจารย์ ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรง ซึ่งกองบรรณาธิการคุรุสภาวารสารไม่จาเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารคุรุสภาวิทยาจารย์ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารคุรุสภาวิทยาจารย์ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนาทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทาการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากวารสารคุรุสภาวิทยาจารย์ก่อนเท่านั้น</p> withayajarn@gmail.com (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม) chunyuth@ksp.or.th (นายจันทร์ยงยุทธ บุญทอง) Tue, 30 Sep 2025 20:10:16 +0700 OJS 3.3.0.8 http://blogs.law.harvard.edu/tech/rss 60 การวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบแนวทางการพัฒนาครูระหว่างประเทศสิงคโปร์และประเทศไทย สู่การยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/257153 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และเปรียบเทียบแนวทางการพัฒนาครูระหว่างประเทศไทยและสิงคโปร์ในเชิงนโยบาย กระบวนการ และผลลัพธ์ เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาครูในประเทศไทย การศึกษานี้ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จของประเทศสิงคโปร์ โดยถูกยกให้เป็นต้นแบบของระบบการศึกษาที่ประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนาครู จากการจัดตั้งหน่วยงานกลางที่ดูแลการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่นสถาบันการศึกษาแห่งชาติ (National Institute of Education) และการสร้างชุมชนการเรียนรู้วิชาชีพ (Professional Learning Communities) ขณะที่ประเทศไทยยังประสบกับความท้าทายในหลายๆ ด้านในการพัฒนาครู</p> <p>บทความนี้ได้นำเสนอข้อมูลเชิงเปรียบเทียบต่อแนวทางการพัฒนาครู เพื่อให้เข้าใจถึงกระบวนการและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับนักการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้กำหนดนโยบายในการพัฒนาระบบการศึกษาของไทย อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยระบุปัญหาและวางแผนปรับปรุงแนวทางการพัฒนาครูในประเทศไทยได้อย่างเหมาะสม พร้อมให้แนวทางเชิงนโยบายที่เป็นรูปธรรมสำหรับการพัฒนาการศึกษาในประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล เช่น การกำหนดมาตรฐานกลางในการพัฒนาครู การประเมินผลเชิงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง การรับรองหลักสูตรโดยคุรุสภาและหน่วยงานกลาง การพัฒนาวิทยากรและแหล่งเรียนรู้คุณภาพ การสร้างระบบติดตามและรายงานผล และการบูรณานโยบายกับการปฏิบัติจริง ทั้งนี้เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยโดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาครู</p> พิริยะวิชญ์ ชูเชิด ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คุรุสภาวิทยาจารย์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/257153 Tue, 30 Sep 2025 00:00:00 +0700 การศึกษาทักษะการวาดภาพสื่อเรื่องราวและความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานศิลปะ โดยการจัดการเรียนรู้แบบแฮร์บาร์ตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 2 (วัดกะพังสุรินทร์) จังหวัดตรัง https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/258757 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบทักษะการวาดภาพสื่อเรื่องราวและความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานศิลปะ ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้แบบแฮร์บาร์ต ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทศบาล 2 (วัดกะพังสุรินทร์) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/4 โรงเรียนเทศบาล 2 (วัดกะพังสุรินทร์) อำเภอเมือง จังหวัดตรัง จำนวน 35 คน ซึ่งได้จากการเลือกแบบกลุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ 1) แผนการจัดการเรียนรู้แบบแฮร์บาร์ต 2) แบบประเมินทักษะการวาดภาพสื่อเรื่องราว และ 3) แบบประเมินความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานทัศนศิลป์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต () ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าที (t-test Dependent)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบแฮร์บาร์ต มีทักษะการวาดภาพสื่อเรื่องราวและความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานทัศนศิลป์ หลังจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนจัดการเรียนรู้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงให้เห็นว่าการจัดการเรียนรู้แบบแฮร์บาร์ต มีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะการวาดภาพและความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนอย่างมีนัยสำคัญ นักเรียนสามารถถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพวาดได้ดีขึ้น มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการออกแบบผลงานศิลปะมากขึ้น</p> จีรุทม์ อารมย์ชื่น ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คุรุสภาวิทยาจารย์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/258757 Tue, 30 Sep 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความฉลาดรู้การอ่านของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิจิตร https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/257006 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุุประสงค์์เพื่อหาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความฉลาดรู้การอ่านของนักเรียน ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษแห่งหนึ่งในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาพิจิตร ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 จำนวน 2 ห้อง ห้องละ 40 คน รวม 80 คน ได้มาโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ ได้แก่ แบบวัดความเพลิดเพลินในการอ่าน แบบวัดกรอบความคิดแบบเติบโต และแบบวัดความฉลาดรู้การอ่าน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ความถี่ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis)</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับความฉลาดรู้การอ่านของนักเรียนอยู่ในระดับมาก (M=39.46, S.D.=4.003) 2) ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับความฉลาดรู้การอ่านของนักเรียน คือ ความเพลิดเพลินในการอ่านและกรอบความคิดแบบเติบโต โดยที่ปัจจัยทั้งสองนี้ร่วมกันทำนายความฉลาดรู้การอ่านของนักเรียนได้ 30.9%</p> จักรณรงค์ อินพหล, ณิชาบูล พ่วงใส, พีระวัฒน์ วิบูลย์กุล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คุรุสภาวิทยาจารย์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/257006 Tue, 30 Sep 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สิ่งมีชีวิตในสิ่งแวดล้อมผ่านการใช้บอร์ดเกมการศึกษา Ecosystem Match ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสระกระโจมโสภณพิทยา https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/259139 <p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อพัฒนาบอร์ดเกมการศึกษาสำหรับการจัดการเรียนการสอน เรื่อง สิ่งมีชีวิตในสิ่งแวดล้อม (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการใช้บอร์ดเกมการศึกษาสำหรับการจัดการเรียนการสอน เรื่อง สิ่งมีชีวิตในสิ่งแวดล้อม และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนหลังการใช้บอร์ดเกมการศึกษา กลุ่มเป้าหมายการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสระกระโจมโสภณพิทยา จำนวน 46 คน เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย (1) แบบประเมินความเหมาะสมของบอร์ดเกมการศึกษา Ecosystem Match (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ (3) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียน</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า (1) ผลการประเมินความเหมาะสมของบอร์ดเกม Ecosystem Match มีความเหมาะสมในภาพรวมอยู่ในระดับเหมาะสม (2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และ (3) นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้บอร์ดเกมในระดับมาก นักเรียนให้ความเห็นว่าบอร์ดเกมมีการออกแบบที่น่าสนใจ ช่วยให้เข้าใจความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิต และทำให้การเรียนสนุกสนาน แสดงให้เห็นว่าบอร์ดเกมการศึกษาสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาการเรียนรู้เรื่อง สิ่งมีชีวิตในสิ่งแวดล้อมโดยส่งเสริมการมีส่วนร่วม การคิดวิเคราะห์ และการเรียนรู้แบบร่วมมือ</p> ปกรณ์ เล็กวงศ์ไพบูลย์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คุรุสภาวิทยาจารย์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/259139 Tue, 30 Sep 2025 00:00:00 +0700 การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น ร่วมกับสื่อการสอน CAI ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/259487 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การสร้างคำในภาษาไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น ร่วมกับสื่อการสอน CAI 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 จำนวน 36 คน ปีการศึกษา 2567 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ นนทบุรี ซึ่งเป็นการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ 1) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และ 2) สื่อการสอน CAI เรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ 1) แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 2) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง การสร้างคำในภาษาไทย ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบวัฏจักรการเรียนรู้ 7 ขั้น ร่วมกับสื่อการสอน CAI หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และ 2) ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ในภาพรวมอยู่ในระดับความพึงพอใจมากที่สุด</p> ธีรพงศ์ มีโภค ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คุรุสภาวิทยาจารย์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/259487 Tue, 30 Sep 2025 00:00:00 +0700 แนวทางการบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ โรงเรียนเทศบาลประตูลี้ จังหวัดลำพูน https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/259427 <p>งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านของนักเรียนโรงเรียนเทศบาลประตูลี้ จังหวัดลำพูน จากผู้บริหารและ คณะครูจำนวน 7 คน และการประชุมเชิงปฏิบัติการกับผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 15 คน โดยใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาของการบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ โรงเรียนเทศบาลประตูลี้ จังหวัดลำพูน โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง มีปัญหาสำคัญ คือ ด้านเป้าหมาย ด้านการบูรณาการเนื้อหา ด้านสื่อการสอน ด้านการจัดสรรเวลา ด้านการพัฒนาครู และด้านการประเมิน แนวทางการบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ มี 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) หลักการและแนวคิด 2) วัตถุประสงค์ 3) แนวการดำเนินงาน และ 4) เงื่อนไขความสำเร็จ แนวทางที่พัฒนาขึ้นได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 7 คน ซึ่งประเมินว่ามีความถูกต้อง เหมาะสม และความเป็นไปได้ในการนำไปใช้จริงในระดับมากที่สุด</p> ทัชธชา ปัญญารัตน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คุรุสภาวิทยาจารย์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/259427 Tue, 30 Sep 2025 00:00:00 +0700 แนวทางการพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกสำหรับครูประถมศึกษา: การประเมินความต้องการจำเป็นของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี เขต 2 https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/257935 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพปัจจุบันและสภาพที่พึงประสงค์ของสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู 2) ประเมินความต้องการจำเป็นในการพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู และ 3) วิเคราะห์แนวทางการพัฒนาสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี เขต 2 กลุ่มตัวอย่างคือครูผู้สอน 297 คน และกลุ่มเป้าหมาย คือผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ <br />มีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.96 และแบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ดัชนีการจัดลำดับความสำคัญของความต้องการจำเป็น (PNI<sub>modified</sub>) และการวิเคราะห์เนื้อหา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพปัจจุบันของสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุกของครูโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนสภาพที่พึงประสงค์โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 2) ผลการประเมินความต้องการจำเป็น พบว่า ด้านที่มีความต้องการจำเป็นสูงสุด คือ ด้านการสร้างและพัฒนาสื่อนวัตกรรมเทคโนโลยีและแหล่งเรียนรู้ รองลงมาคือ ด้านการวัดประเมินผลการเรียนรู้ และด้านการออกแบบการจัดการเรียนรู้ ตามลำดับ และ 3) แนวทางการพัฒนาที่สำคัญประกอบด้วย การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ และการนิเทศติดตามอย่างเป็นระบบ</p> ไพศาล วงค์กระโซ่ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คุรุสภาวิทยาจารย์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/257935 Tue, 30 Sep 2025 00:00:00 +0700 ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาภายใต้ยุคของการเปลี่ยนแปลง https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/258439 <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา 1) ระดับปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาภายใต้ยุคของการเปลี่ยนแปลง และ 2) การส่งผลของปัจจัยต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาภายใต้ยุคของ<br />การเปลี่ยนแปลง กลุ่มตัวอย่าง คือ เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ที่ปฏิบัติงานในส่วนกลาง ปี พ.ศ. 2567 จำนวน 73 คน ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น 0.96 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple Regression Analysis)</p> <p>ผลจากการวิจัย พบว่า 1) มี 7 ปัจจัย คือ กลยุทธ์ โครงสร้าง ระบบ รูปแบบการบริหาร บุคลากร ทักษะ และค่านิยมร่วม ที่เกี่ยวข้องกับความสำเร็จในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาภายใต้ยุคของการเปลี่ยนแปลงในภาพรวม และรายปัจจัย อยู่ในระดับมาก และ 2) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในภาพรวม คือ ปัจจัยทักษะ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จด้านประสิทธิผล คือ ปัจจัยทักษะ และปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงาน ด้านประสิทธิภาพ คือ ปัจจัยบุคลากร</p> ธนากร ธรรมะชัย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 คุรุสภาวิทยาจารย์ https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/258439 Tue, 30 Sep 2025 00:00:00 +0700