ประสิทธิภาพของสารสกัดจากพืชบางชนิดร่วมกับสารเคลือบผิวที่มีต่อโรคแอนแทรคโนส และขั้วผลเน่าของมะม่วงในระหว่างการเก็บรักษา
Main Article Content
Abstract
ประสิทธิภาพของสารสกัดจากว่านน้ำ (Acorus calamus) โป้ยกั๊ก (Illicium verum) ยาสูบ (Nicotiana tabacum) และหมากสง (Areca catechu) ในการควบคุมการเจริญของเส้นใยและการงอกของสปอร์เชื้อรา Colletrichum gloeosporioides และ Botryodiplodia theobromae ที่ระดับความเข้ามข้น 500 1,000 5,000 และ 10,000 มก./ล. พบว่าสารสกัดทั้ง 4 ชนิดสามารถยับยั้งการเจริญของเส้นใยและการงอกของสปอร์เชื้อรา C. gloeosporioides ได้ดีกว่าเชื้อรา B. theobromae และสามารถยับยั้งการงอกของสปอร์ได้ดีกว่าการเจริญของเส้นใย สารสกัดจากว่านน้ำและโป๊ยกั๊กที่ความเข้มข้น 5,000 และ 10,000 มก./ล. มีประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญของเส้นใยเชื้อราทั้ง 2 ชนิดได้ดี เมื่่อพิจารณาค่า ED<sub>50</sub> ซึ่งแสดงถึงระดับความเป็นพิษของสาร พบว่าค่า ED<sub>50</sub> ของสารสกัดว่านน้ำที่มีต่อเชื้อรา C. gloeosporioides และเชื้อรา B. theobromae มีค่าเท่ากับ 0.003 และ 0.02 กรัม และค่า ED<sub>50</sub> ของสารสกัดโป้ยกั๊กมีค่าเท่ากับ 0.02 และ 6.61 กรัม ตามลำดับ ในการควบคุมโรคแอนแทรคโนสและโรคขั้วผลเน่าของมะม่วง โดยการจุ่มในสารสกัดจากว่าน้ำและโป้ยกั๊กที่ความเข้มข้น 10,000 มก./ล. แบบปกติและจุ่มในสารสกัดด้วยวิธีลดความดันร่วมกับการเคลือบผิดด้วย sta fresh (เบอร์ 360) โดยเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องและที่ 13 องศาเซลเซียส พบว่าการจุ่มผลมะม่วงด้วยสารสกัดว่านน้ำและโป้ยกั๊กแบบปกติมีประสิทธิภาพดีในการควบคุมโรค เมื่อเปรียบเทียบกับมะม่วงในชุดควบคุม มะม่วงที่จุ่มในสารสกัดด้วยวิธีลดความดัน ทำให้ผลมะม่วงเกิดโรคมากกว่าผลมะม่วงที่จุ่มแบบปกติ ผลมะม่วงที่จุ่มในสารสกัดทั้งแบบปกติและจุ่มด้วยวิธีลดความดัน ร่วมกับการเคลือบผิว มีการเกิดโรคและการสูญเสียน้ำหนักสดน้อยกว่ามะม่วงที่ไม่ได้เคลือบผิว แต่การเคลือบผิวมะม่วงทำให้รสชาติของผลมะม่วงผิดปกติ เกิดกลิ่นหมัก มีรสเปรี้ยว และไม่เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคเมื่อสิ้นสุดการทดลอง ซึ่งสามารถเก็บรักษามะม่วงที่อุณหภูมิ 13 องศาเซลเซียสได้เป็นเวลา 16 วัน
Article Details
Section
Original Articles