การวิเคราะห์โครงข่ายประตูระบายน้ำด้วยความเป็นศูนย์กลางระหว่างความสัมพันธ์ร่วมกับกระแสการไหลสูงสุด

Main Article Content

พฤฒิพงศ์ เพ็งศิริ
สุนันฑา สดสี
พยุง มีสัจ

บทคัดย่อ

- บทความนี้เป็นการนำเสนอวิธีในการวิเคราะห์โครงข่ายประตูระบายน้ำด้วยความเป็นศูนย์กลางระหว่างความสัมพันธ์ร่วมกับกระแสการไหลสูงสุด ซึ่งในที่นี้เรียกว่าวิธี “BC-Max” ซึ่งเป็นการประยุกต์ใช้ทฤษฎีกราฟความเป็นศูนย์กลางระหว่างความสัมพันธ์ (Betweenness Centrality, BC) ของประตูระบายน้ำ เพื่อกำหนดเส้นทางในการระบายน้ำจากต้นทางไปยังปลายทาง และนำ BC มาคำนวณหาค่าการไหลสูงสุด (Maximum Flow) โดยได้เป็นค่าความสามารถในการระบายน้ำที่ประตูระบายน้ำ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ของวิธีการ BC-Max ทำให้ได้เส้นทางการระบายน้ำ (Path) และค่าการระบายน้ำสูงสุดที่ประตูระบายน้ำ ทดสอบโดยใช้ข้อมูลโครงข่ายของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้เขตพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นกรณีศึกษา โดยกำหนดให้ BC-Max > AVG (BC) โดยค่า AVG(BC) หมายถึงค่าเฉลี่ยของความเป็นศูนย์กลางระหว่างความสัมพันธ์เท่ากับ 0.043 ซึ่งแสดงถึงลำดับความสำคัญการระบายน้ำในแต่ละประตูระบายน้ำ พบว่าประตูระบายน้ำที่ความสำคัญที่สุดคือ ประตูระบายน้ำพระมหินทร์ มีค่า BC-Max เท่ากับ 0.787 มีเส้นทางการระบายน้ำ 9 เส้นทาง ค่าเฉลี่ยการระบายน้ำสูงสุดเท่ากับ 24.333 m3/s และส่งผลทำให้ทราบถึงความสามารถในการระบายน้ำสูงสุดของประตูรายน้ำในเส้นทางนั้นได้เป็นอย่างดี

Article Details

How to Cite
[1]
เพ็งศิริ พ., สดสี ส., และ มีสัจ พ., “การวิเคราะห์โครงข่ายประตูระบายน้ำด้วยความเป็นศูนย์กลางระหว่างความสัมพันธ์ร่วมกับกระแสการไหลสูงสุด”, JIST, ปี 6, ฉบับที่ 1, น. 25–33, มิ.ย. 2016.
บท
บทความวิจัย Soft Computing:

References

1. “บันทึกเหตุการณ์มหาอุทกภัยปี 2554.” [Online]. Available: http://www.thaiwater.net/current/flood54.html. [Accessed: 07-Sep-2016].

2. ฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา, “โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา ในเขตสำนักชลประทานที่ 10, 11, 12 พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา.” Jul-2556.

3. พฤฒิพงศ์ เพ็งศิริ, สุริยะ พินิจการ และสุนันฑา สดสี, “การวิเคราะห์การระบายน้ำโดยใช้ทฤษฎีกราฟ กรณีศึกษาเขตพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา,” in การประชุมวิชาการระดับประเทศด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (National Conference on Information Technology: NCIT) ครั้งที่ 6, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, 2557, vol. 2557, p. 310.

4. C. Arsene, D. Al-Dabass, and J. Hartley, “Decision Support System for Water Distribution Systems Based on Neural Networks and Graphs,” in 2012 UKSim 14th International Conference on Computer Modelling and Simulation (UKSim), 2012, pp. 315–323.

5. J. Rocha, “Graph Comparison by Log-Odds Score Matrices with Application to Protein Topology Analysis,” IEEE/ACM Trans. Comput. Biol. Bioinform., vol. 8, no. 2, pp. 564–569, Mar. 2011.

6. S. Miyaoka and M. Funabashi, “Optimal control of water distribution systems by network flow theory,” in 1982 21st IEEE Conference on Decision and Control, 1982, pp. 362–368.

7. S. C. Li, Z. H. Xu, and G. W. Ma, “A Graph-theoretic Pipe Network Method for water flow simulation in discrete fracture networks: GPNM,” Tunn. Undergr. Space Technol., vol. 42, pp. 247–263, May 2014.

8. กรมชลประทาน, “โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้,” โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้, 2012. .

9. เรืองฤทธิ์วิทยา, “การวิเคราะห์เครือข่ายทางสังคมของกระแสการเดินทางไปทำงานในภูมิภาคเมืองโคราช,” ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ และฉบับ Int. Humanit. Soc. Sci. Arts, vol. 5, no. 3, pp. 254–266, Dec. 2012.

10. องอาจ อุ่นอนันต์, วรวุทธิ์ ยิ้มแย้ม และสุนันฑา สดสี, “การวิเคราะห์โครงข่ายถนนโดยการใช้ทฤษฎีกราฟ ,” in The Tenth National Conference on Computing and Information Technology (NCCIT2014), มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ, vol. 2557, pp. 252–257.

11 M. T. Todinov, “Topology optimisation of repairable flow networks for a maximum average availability,” Comput. Math. Appl., vol. 64, no. 12, pp. 3729–3746, Dec. 2012.

12 S. Han, Z. Peng, and S. Wang, “The maximum flow problem of uncertain network,” Inf. Sci., vol. 265, pp. 167–175, May 2014.

13 L. R. Ford and D. R. Fulkerson, “Maximal flow through a network,” Can. J. Math., vol. 8, no. 0, pp. 399–404, Jan. 1956.

14. A. Dwivedi and X. Yu, “A Maximum-Flow-Based Complex Network Approach for Power System Vulnerability Analysis,” IEEE Trans. Ind. Inform., vol. 9, no. 1, pp. 81–88, Feb. 2013.