การศึกษาผลการรับรู้และความพึงพอใจของนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 ต่อการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เรื่อง “อดทนรอไปด้วยกันนะ”

Main Article Content

Nattapon Chatmongkonying
Punyarat Rungsoongnern

บทคัดย่อ

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เรื่อง อดทนรอไปด้วยกันนะ 2) เพื่อศึกษาการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่างหลังชมการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เรื่อง อดทนรอไปด้วยกันนะ 3) เพื่อสำรวจความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างหลังชมการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เรื่อง อดทนรอไปด้วยกันนะ โดยมีกลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา ปีการศึกษา 2560 ภาคเรียนที่ 1 จำนวน 95 คน ได้จากการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็น (Probability sampling) ใช้การสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster sampling) ซึ่งการ์ตูน 3 มิติ ได้พัฒนาขึ้นตามหลักการผลิตสื่อ 3P คือ 1) ขั้นก่อนการผลิต (Pre-Production) 2) ขั้นการผลิต (Production) 3) ขั้นหลังการผลิต (Post-Production) ผลการวิจัยพบว่า 1) คุณภาพของการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เรื่อง อดทนรอไปด้วยกันนะ โดยรวมมีค่าเฉลี่ยรวม 4.37 มีคุณภาพอยู่ในระดับดี 2) ผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่างหลังชมการ์ตูนแอนเมชัน 3 มิติ เรื่อง อดทนรอไปด้วยกันนะ โดยรวมคิดเป็นร้อยละ 83.80มีระดับการรับรู้มากที่สุด 3) ผลสำรวจความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างหลังชมการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ เรื่อง อดทนรอไปด้วยกันนะ โดยรวมมีค่าเฉลี่ย 4.72 มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
[1]
N. Chatmongkonying และ P. Rungsoongnern, “การศึกษาผลการรับรู้และความพึงพอใจของนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 ต่อการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติ: เรื่อง ‘อดทนรอไปด้วยกันนะ’”, JIST, ปี 9, ฉบับที่ 1, น. 52–62, มิ.ย. 2019.
ประเภทบทความ
บทความวิจัย Multidisciplinary
ประวัติผู้แต่ง

Punyarat Rungsoongnern, สาขาวิชาเทคโนโลยีมัลติมีเดีย คณะศิลปกรรมและออกแบบอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

สาขาวิชาเทคโนโลยีมัลติมีเดีย
คณะศิลปกรรมและออกแบบอุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

เอกสารอ้างอิง

1. สานนท์ เจริญพันธุ์. (22 เมษายน 2560). “เด็กไทยติด “สมาร์ทโฟน” กับดักเทคโนโลยีบนความอยาก,” [Online].แหล่งที่มา:https://www.manager.co.th/qol/viewnews.aspx?NewsID=95500001576392556.

2. Amarinbabyandkids. ( 10 เมษายน 2560). “เลี้ยงลูกให้อดทน-แกร่ง-อึด สร้างสุดยอดเด็กเก่งในยุคดิจิทัล,”[Online]. Available:https://www.amarinbabyandkids.com/parenting/toddler/teach-toddler/raise-super-gen-alpha-kids/3.

3. ไทยรัฐออนไลน์. (10 เมษายน 2560). “สำรวจพบเด็กไทย'ขยันน้อย-อดทนต่ำ' เร่งปลูกฝังคุณธรรม,” [Online]. Available: https://www.thairath.co.th/content/414345.

4. กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์. (10 เมษายน 2560). “การสอนให้มีความอดทนรอคอย (Delayed Gratification),” [Online]. Available: https://www.thairath.co.th/content/318249.

5. ชนาพร เคลือบคล้าย. (2557). “สพฐ.รับลูกคสช.สร้างค่านิยมคนไทยใหม่,” [Online]. Available:https://www.Moe.go.th/moe/th/news/detail.php?NewsID=37710&Key=hotnews.

6. นิพนธ์ คุณารักษ์, “การวิเคราะห์และวิจารณ์ภาพยนตร์แอนิเมชัน,” วารสารศูนย์บริการวิชาการ, ปีที่ 16, ฉบับที่ 4, หน้า 42-46, ตุลาคม-ธันวาคม, 2551.

7. ดวงเนตร คงปรีพันธุ์, “การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความคงทนในการจำเนื้อหา ที่เป็นกระบวนการของนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการได้ยินที่เรียนด้วยบทเรียน คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ที่มีกลยุทธ์การนำเสนอภาพเคลื่อนไหวต่างกัน,” วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, กรุงเทพฯ, 2541.

8. สรชัย ชวรางกูร, “การศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสนใจของนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 ที่มีต่อการ์ตูนแอนิเมชันรูปแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ,”วิทยานิพนธ์ หลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมมหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ภาควิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนคร, กรุงเทพฯ, 2550.

9. Xia San-ao, “Application of Maya in film 3D animationdesign,” HuNan University of science and engineering, Yongzhou 425006, China, 2011.

10. ชุติพงศ์ พันธุ์สมบัติ, “การพัฒนาการ์ตูนแอนิเมชัน 3 มิติโดยใช้เทคนิคการนำเสนอแบบเล่านิทานเป็นฐาน เรื่องการบริโภคอาหาร สำหรับเด็กปฐมวัย,” วิทยานิพนธ์ หลักสูตรปริญญาวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาสื่อนฤมิต, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, จังหวัดมหาสารคาม, 2556.

11. อชิตา เทพสถิต, “การออกแบบแอนิเมชัน 3 มิติ การกินอย่างถูกหลักโภชนาการ,” วิทยานิพนธ์หลักสูตรศิลปมหาบัณฑิต สาขาวิชาคอมพิวเตอร์อาร์ต คณะดิจิทัลอาร์ต, มหาวิทยาลัยรังสิต, กรุงเทพฯ, 2557.

12. วงเดือน พลอยงาม และ ศุภพักตร์ จารุเศรณี, “สื่อโฆษณาแผ่นพับเสมือน 3 มิติ ผ่านทางสมาร์ทโฟน สำหรับจัดแสดงในนิทรรศการท่องเที่ยว”, วารสารวิทยาการและเทคโนโลยีสารสนเทศ, ปีที่ 8, ฉบับที่ 2, หน้า 37-45, กรกฎาคม-ธันวาคม, 2561.