การเปรียบเทียบอัตราการรอดชีพของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหลังได้รับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดร่วมกับวิธีอื่น ๆ
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอัตราการรอดชีพของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดเพียงวิธีเดียวหรือการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดร่วมกับวิธีอื่นๆ ได้แก่ การรักษาวิธีเคมีบำบัดกับการฉายแสง การรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดกับการผ่าตัด และ การทำร่วมกันทั้ง3วิธี นั่นคือ เคมีบำบัด ฉายแสง และผ่าตัด โดยจำแนกตามระดับของมะเร็งเต้านมและข้อมูลที่ใช้เป็นข้อมูลทุติยภูมิที่ได้มาจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ จำนวน 1398 ราย ที่ได้รับการรักษาตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561 และติดตามผลจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2563 โดยสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิธีแคปลานไมย์เออร์ (Kanplan-Meier) ในการวิเคราะห์อัตราการรอดชีพ และใช้ Log-Rank Test ในการทดสอบทางสถิติ ซึ่งผลวิจัยพบว่า
อัตราการรอดชีพของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดเพียงวิธีเดียวหรือการรักษาร่วมกับวิธีอื่น จำนวน 1398 ราย เสียชีวิต 232 ราย พบว่าในระยะที่1 การรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดร่วมกับการผ่าตัดเหมาะสมที่สุด ซึ่งมีอัตราการรอดชีพร้อยละ 53(95% CI : 47.76-58.24) และระยะที่2 3 และผู้ป่วยที่ไม่สามารถระบุระยะได้ วิธีที่ดีที่สุดคือวิธีการรักษาด้วยเคมีบำบัดเพียงวิธีเดียว โดยที่อัตราการรอดชีพร้อยละ 50(95% CI : 47.85-52.15) 59(95% CI : 56.30-61.70) และ62(95% CI : 61.00-62.99) ตามลำดับ ส่วนระยะที่4 พบว่าไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใดก็ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
จากงานวิจัยที่ได้ศึกษาสามารถนำมาเป็นแนวทางในการตัดสินใจใช้วิธีการรักษาได้เหมาะสมกับแต่ละระยะของโรคมะเร็งเต้านมและเพิ่มอัตราการรอดชีพได้
Downloads
เผยแพร่แล้ว
How to Cite
ฉบับ
บท
License
Copyright (c) 2021 วารสารสถิติประยุกต์และเทคโนโลยีสารสนเทศ

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลที่ปรากฏในบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารสถิติประยุกต์และเทคโนโลยีสารสนเทศถือเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของผู้เขียนแต่ละท่าน ความผิดพลาดของข้อความและผลที่อาจเกิดจากนำข้อความเหล่านั้นไปใช้ผู้เขียนบทความจะเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรณ์จากวารสาร ก่อนเท่านั้น