การพยากรณ์ปริมาณการจัดจำหน่ายอวนสีขี้ม้า: กรณีศึกษา บริษัทผลิตอวนและเชือกโพลี
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอวิธีการพยากรณ์ที่มีความเหมาะสมกับข้อมูลปริมาณการจัดจำหน่ายอวนสีขี้ม้า 380/18 โดยที่ข้อมูลปริมาณการจัดจำหน่ายอวนสีขี้ม้า 380/18 ที่ใช้ในการศึกษาเป็นข้อมูลตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 ถึงเดือนธันวาคม 2562 ซึ่งข้อมูลมีแนวโน้มและความผันแปรตามฤดูกาล วิธีการพยากรณ์ที่พิจารณามี 4 วิธี ได้แก่ วิธีการพยากรณ์แบบแยกส่วนประกอบ วิธีการพยากรณ์ของบอกซ์-เจนกินส์ วิธีการปรับเรียบด้วยการปรับแนวโน้มและฤดูกาลตามวิธีของ วินเทอร์และวิธีการพยากรณ์แบบเกรย์ เกณฑ์ในการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวิธีการพยากรณ์คือค่าร้อยละความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เฉลี่ย ผลจากการศึกษาพบว่าวิธีการปรับเรียบด้วยการปรับแนวโน้มและฤดูกาลตามวิธีของวินเทอร์แบบผลคูณ มีค่าร้อยละความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์เฉลี่ยต่ำที่สุด (11.41%) ดังนั้นวิธีการพยากรณ์นี้จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการพยากรณ์ปริมาณการจัดจำหน่ายอวนสีขี้ม้า 380/18 เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการผลิตในอนาคต
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นลิขสิทธิ์ของวารสารวิศวกรรมสารฉบับวิจัยและพัฒนา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
References
[2] ทรงศิริ แต้สมบัติ. การพยากรณ์เชิงปริมาณ. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2549
[3] มุกดา แม้นมินทร์. อนุกรมเวลาและการพยากรณ์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: โฟร์พริ้นติ้ง, 2549
[4] พิมพ์พรรณ อำพันธ์ทอง และปิยภัทร บุษบาบดินทร์. การพยากรณ์ PM10 ในบริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยด้วยทฤษฎีเกรย์. วารสารวิทยาศาสตร์บูรพา, 20(1), 15-24, 2015
[5] วรางคณา เรียนสุทธิ. การเปรียบเทียบตัวแบบพยากรณ์ราคาโคเนื้อ. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, 27(2), 201-212, 2018
[6] Box, G.E.P. and Jenkins, D.L. Time Series Analysis. California: San Francisco, 1976
[7] Brownman, B.L. Forecasting and Time Series : An Applied Approach. California: Wadsworth, 1993
[8] Leelathanapipat ,J. and Paichit, P. Cost Estimate of Repairingrefurbish Equipment using Multiple Regression Model. Engineering Journal of Research and Development,2020, 31(2), pp.127-138