สมบัติพื้นฐานและการเกิดคาร์บอเนชั่นของคอนกรีตที่แทนที่ด้วยวัสดุประสาน ต่างชนิดกัน
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาสมบัติพื้นฐานและความลึกคาร์บอเนชั่นของคอนกรีตที่แทนที่บางส่วนด้วยเถ้าลอย ตะกรันเตาถลุงเหล็กบดละเอียด และผงหินปูน ในปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 (OPC) ผลการศึกษาพบว่า ความต้องการน้ำของเพสต์ผสมเถ้าลอยมีค่าน้อยกว่าของ OPC ล้วน ในขณะของตะกรันเตาถลุงเหล็กบดละเอียด และของผงหินปูน มีค่ามากกว่าของ OPC ล้วน ส่วนระยะการก่อตัวของเพสต์ผสมเถ้าลอยและของตะกรันเตาถลุงเหล็กบดละเอียดมีค่ามากกว่าของ OPC ล้วน ในขณะของผงหินปูนมีค่าน้อยกว่าของ OPC ล้วน และพบว่า ค่าการยุบตัวของคอนกรีตผสมเถ้าลอยมีค่ามากกว่าของ OPC ล้วน ในขณะที่ของคอนกรีตผสมตะกรันเตาถลุงเหล็กบดละเอียด และของผงหินปูน มีค่าน้อยกว่าของ OPC ล้วน ส่วนกำลังอัดประลัยของคอนกรีตผสมเถ้าลอย และของตะกรันเตาถลุงเหล็กบดละเอียด มีค่าน้อยกว่าของ OPC ล้วน โดยเฉพาะเมื่อแทนที่ในปริมาณที่มาก ในขณะที่กำลังอัดประลัยของคอนกรีตผสมผงหินปูน มีค่าใกล้เคียงกับของ OPC ล้วน นอกจากนี้ พบว่าความลึกคาร์บอเนชั่นของคอนกรีตผสมเถ้าลอย และของตะกรันเตาถลุงเหล็กบดละเอียดมีค่ามากกว่าของ OPC ล้วน ในขณะที่ความลึกดคาร์บอเนชั่นของคอนกรีตผสมผงหินปูนมีค่าใกล้เคียงหรือสูงกว่าไม่มาก เมื่อเทียบกับของ OPC ล้วน โดยความลึกคาร์บอเนชั่นของคอนกรีตที่บ่มน้ำมีค่าน้อยกว่าของที่บ่มอากาศ และความลึกคาร์บอเนชั่นของคอนกรีตที่เผชิญก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ระยะเวลานานกว่ามีค่ามากกว่าของที่เผชิญก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่น้อยกว่า สุดท้ายสามารถเปรียบทียบสมบัติพื้นฐานและการเกิดคาร์บอเนชั่นระหว่างของเพสต์/คอนกรีตผสมเถ้าลอย ตะกรันเตาถลุงเหล็กบดละเอียด และผงหินปูนกับของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 ล้วนได้
Article Details
ลิขสิทธิ์เป็นของวารสารวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
เอกสารอ้างอิง
[2] S. K. Roy, K. B. Poh and D. O. Northwood, “Durability of concrete accelerated carbonation and weathering studies,” Building. Env., vol. 34, pp. 597-606, August 1998.
[3] J. Khunthongkeaw, S. Tangtermsirikul, and T. Leelawat, “A study on carbonation depth prediction for fly ash concrete,” Construc. Building Mater., vol. 20, pp. 744-753, January 2006.
[4] C. D. Atis, “Accelerated carbonation and testing of concrete made with fly ash,” Construc. Building Mater., vol. 17, pp. 47–152, October 2003.
[5] N. I. Fattuhi, “Carbonation of concrete as affected by mix constituents and initial water curing period,” Materiaux et Constructions, vol. 19, no.110, pp. 131-136, 1986.
[6] กฤษฎา เสือเอี่ยม และณัฏฐ์ มากุล, “อิทธิพลของฝุ่นหินปูนต่อสมบัติของซีเมนต์เพสต์ชนิดไหลตัวได้ผสมเถ้าแกลบ,” วิศวกรรมสารฉบับวิจัยและพัฒนาม ปีที่ 23, ฉบับที่ 3, หน้า 65-73, 2555.
[7] ปิยะพงศ์ กี่สวัสดิ์คอน, รัฐศักดิ์ พรหมมาศ และ ทวีศักดิ์ รุ่งศักดิ์ทวีกุล, “อัตราการซึมผ่านน้ำในคอนกรีตผสมเถ้าทลายปาล์มน้ำมันและหินฝุ่นแทนทรายที่บ่มด้วยคลื่นไมโครเวฟ,” รายงานการวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, 2558.
[8] อภิชิต คำภาหล้า, โกสีห์ เทียมลม และจิระยุทธ สืบสุข, “อิทธิพลของวิธีการบ่มต่อการพัฒนากำลังรับแรงอัดของคอนกรีต,”วารสารวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยราชมงคลตะวันออก ปีที่ 7, ฉบับที่ 2, หน้า 87-96, 2557.
[9] Standard Test Method for Fineness of Hydraulic Cement by Air-Permeability Apparatus, ASTM C 204 – 00, 2000.
[10] Standard Test Method for Density of Hydraulic Cement, ASTM C 188 – 95, 1995.
[11 Standard Test Method for Amount of Water Required for Normal Consistency of Hydraulic Cement Paste, ASTM C 187 – 11, 2011.
[12] Standard Test Method for Time of Setting of Hydraulic Cement by Vicat Needle, ASTM C 191 – 13, 2013.
[13] Standard Test Method for Slump of Hydraulic-Cement Concrete, ASTM C 143/C 143M – 98, 1998.
[14] Method of Making Test Cube from Fresh Concrete, British Standard Institute, BS 1881: Part 108, 1983.
[15] Standard Test Method for Compressive Strength of Hydraulic Cement Mortars (Using 2-in. or [50-mm] Cube Specimens)1, ASTM C 109 – 07, 2007.
[16] Standard Practice for Petrographic Examination of Hardened Concrete, ASTM C 856 – 04, 2004.