การประเมินเทคนิคการประมาณค่าฝนร่วมกับข้อมูลแผนที่ภูมิประเทศเชิงตัวเลข ในลุ่มน้ำตาปี

Main Article Content

วิษุวัฒก์ แต้สมบัติ

บทคัดย่อ

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผลในการประมาณค่าฝนเชิงพื้นที่ของข้อมูลฝนรายวันที่ตรวจวัดจากภาคพื้นดิน โดยการประยุกต์ใช้เทคนิคการประมาณค่าเชิงพื้นที่ จำนวน 3 วิธี คือ Co-Kriging,Thin plate spline และ Thiessen Polygon ร่วมกับข้อมูลลักษณะภูมิประเทศเชิงตัวเลข SRTM-DEM ของ NASA ซึ่งมีความละเอียดในทางราบประมาณ 90 เมตร โดยใช้ข้อมูลปริมาณฝนรายวันจากสถานีวัดน้ำฝนลุ่มน้ำตาปี จำนวน 12 สถานี และพื้นที่ข้างเคียง 8 สถานี พิจารณาข้อมูลปริมาณฝนเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2553 มีนาคมปี พ.ศ. 2554 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 และ มกราคมปี พ.ศ. 2555 โดยทำการทดสอบความถูกต้องในการประมาณค่าโดยใช้สถิติค่าเฉลี่ยความคลาดเคลื่อน (ME) ค่าเฉลี่ยความคลาดเคลื่อนสัมบูรณ์ (MAE) และค่าเฉลี่ยความคลาดเคลื่อนยกกำลังสอง (RMSE) ผลการศึกษาพบว่า ในลุ่มน้ำตาปี ซึ่งมีภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ราบมีภูเขาไม่มากนั้น มีค่า ME เป็นลบ ทั้ง 3 วิธี แสดงว่า มีการประมาณค่าที่สูงกว่าค่าจริง (Over-Estimate) และยังพบว่าวิธีที่มีค่า MAE และ RMSE ที่ดีที่สุดคือวิธีThin plate spline รองลงมาคือวิธี Co-Kriging และ วิธี Thiessen Polygon ตามลำดับ ซึ่งแสดงว่าวิธี Thin plate spline มีความเหมาะที่จะใช้เป็นวิธีการประมาณค่าฝนเชิงพื้นที่ลุ่มน้ำตาปี

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
[1]
แต้สมบัติ ว., “การประเมินเทคนิคการประมาณค่าฝนร่วมกับข้อมูลแผนที่ภูมิประเทศเชิงตัวเลข ในลุ่มน้ำตาปี”, sej, ปี 13, ฉบับที่ 2, น. 141–152, ส.ค. 2018.
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

[1] กรมชลประทาน, โครงการศึกษาวางระบบและติดตั้งระบบโทรมาตรเพื่อพยากรณ์น้ำและเตือนภัยลุ่มน้ำท่าจีน, กรุงเทพมหานคร: บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน), 2557.

[2] กีรติ ลีวัจนกุล, อุทกวิทยา, ปทุมธานี: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรังสิต, 2543.

[3] เฉลิมชัย เอกก้านตรง, การศึกษาและวิเคราะห์ด้านอุตุนิยมวิทยาที่มีอิทธิพลต่อการเกิดอุทกภัยในภาคใต้ของประเทศไทย ระหว่างวันที่ 18-26 พฤศจิกายน 2543, กรุงเทพมหานคร: กรมอุตุนิยมวิทยา, 2543.

[4] ประกอบ วิโรจนกูฎ, “การหาปริมาณน้ำฝนบนพื้นที่โดยวิธี KRINGING,” วิศวกรรมสาร มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ปีที่21, หน้า 29-43, มกราคม-กุมภาพันธ์, 2537.

[5] รังสรรค์ อาภาคัพภะกุล, อุตุนิยมวิทยาเบื้องต้น, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2547.

[6] รัศมี สุวรรณวีระกำธร, “การเปรียบเทียบวิธีการประมาณค่าน้ำฝนเชิงพื้นที่ด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ กรณีศึกษาพื้นที่ลุ่มน้ำเชิญ,”วารสารสมาคมสำรวจข้อมูลระยะไกลและสารสนเทศภูมิศาสตร์, ปีที่1, หน้า 35-48, กันยายน-ธันวาคม, 2543.

[7] วิษุวัฒก์ แต้สมบัติ, “การประมาณค่าเชิงพื้นที่ของข้อมูลปริมาณน้ำฝนรายวัน โดยวิธี Thin Plate Smoothing Spline สำหรับลุ่มน้ำปิงตอนบน,” ใน การประชุมทางวิชาการ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นครปฐม ครั้งที่ 4, 2550.

[8] วิษุวัฒก์ แต้สมบัติ, อุทกวิทยาทางวิศวกรรม (เอกสารประกอบการสอน), นครปฐม: ภาควิชาวิศวกรรมชลประทาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน, 2555.

[9] วีระพล แต้สมบัติ, หลักอุทกวิทยา, กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ฟิสิกส์เซ็นเตอร์, 2528.

[10] สุเพชร จิรขจรกุล, เรียนรู้ระบบภูมิสารสนเทศด้วยโปรแกรม ArcGIS Desktop 10.1, กรุงเทพมหานคร: ภาควิชาเทคโนโลยีชนบท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2555.

[11] เอกสิทธิ์ โฆสิตสกุลชัย, การหาค่าการใช้น้ำของพืชในโครงการชลประทานขนาดใหญ่โดยใช้การสำรวจระยะไกล, กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2547.

[12] สายสุนีย์ พุทธาคุณเจริญ, วิศวกรรมอุทกวิทยา, กรุงเทพมหานคร: ไลบรารี่ นายน์ พับลิชชิ่ง, 2546.

[13] พีระพงศ์ รัตนบุรี, “การเปรียบเทียบการประมาณฝนเชิงพื้นที่ของลุ่มน้ำปิงตอนบนและลุ่มน้ำท่าจีน โดยเทคนิคการประมาณค่าเชิงพื้นที่,” วิทยานิพนธ์ปริญญาโท ภาควิชาวิศวกรรมชลประทาน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, กรุงเทพมหานคร, 2557.

[14] H. Apaydin, F. Sonmez and Y. Yildirim, “Spatial interpolation techniques for climate data in the GAP region in Turkey,” Climate Res., vol. 28, no.1, pp. 31–40, 2004.

[15] P. Burrough, R. McDonnell and C. Lloyd, Principles of Geographical Information Systems, Oxford, Oxford University Press, 2015.

[16] C. Chang, S. Lo and S. Yu, “The parameter optimization in the inverse distance method by genetic algorithm for estimating precipitation,” Environ. Monitor. Assess, vol. 117, no. 1-3, pp. 145–155, 2006.

[17] V. Chaplot, F. Darboux, H. Bourennane, S. Leguédois, N. Silvera and K. Phachomphon, “Accuracy of interpolation techniques for the derivation of digital elevation models in relation to landform types and data density,” Geomorphology, vol. 77, no. 1-2, pp. 126–141, 2006.

[18] P. Goovaerts, “Geostatistical approaches for incorporating elevation into the spatial interpolation of rainfall,” J. Hydro., vol. 228, no. 1-2, pp. 113–129, 2000.

[19] M. Hutchinson, “Interpolating mean rainfall using thin plate smoothing splines,” Inter. J. Geogr. Inform. Syst., vol. 9, no. 4, pp. 385–403, 1995.

[20] M. Hutchinson and P. Gessler, “Splines — more than just a smooth interpolator,” Geoderma, vol. 62, no 1-3, pp. 45–67, 1994.

[21] W. Taesombat and N. Sriwongsitanon, “Areal rainfall estimation using spatial interpolation techniques,” Sci. Asia, vol. 35, no. 3, pp. 268-275, 2009.