การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษา เรื่อง สภาพสมดุล ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
Article Sidebar
Main Article Content
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อออกแบบ การจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษา ตามเกณฑ์ 75/75 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ การจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษา ก่อนเรียนและหลังเรียน และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อ การจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษา เรื่อง สภาพสมดุล ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ซึ่งกลุ่มประชากร คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนดงดาวแจ้งพัฒนศึกษา อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมนครพนม จำนวน 1 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 28 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการพัฒนา การจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษาเรื่อง สภาพสมดุล, ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสะตีมศึกษา สภาพสมดุล, แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางด้านการเรียนรู้ เรื่อง สภาพสมดุล และแบบประเมินความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ ต่อการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษาเรื่อง สภาพสมดุล
ผลการวิจัย พบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษา มีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.71/82.74 ซึ่งเป็นสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 2) การจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษา มีค่าเฉลี่ยหลังเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และ 3) นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษา เรื่อง สภาพสมดุล มีความพึงพอใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสะตีมศึกษา เรื่อง สภาพสมดุล โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
Article Details
อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เอกสารอ้างอิง
Bagthong, M. (2018). Creation of a Sattem Suksa Learning Activity Set to develop achievements educational and creative For students in Mathayom 4. Thesis Master of Science degree Science Education. Nakhon Sawan: Rajabhat University.
Faculty of Humanities and Social Sciences. (2013). Student-centered manual. Faculty of Humanities and Social Sciences. Lampang: Lampang Rajabhat University.
Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (NSTDA). (2014). STEM Education. Bangkok: Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (NSTDA).
Office of the Basic Education Commission. (2017). Indicators and learning content in the core Science learning subject group. Bangkok: Agricultural Cooperatives Association of Thailand.
Olapiriyakul, S. (2019). STEAM EDUCATION: Educational innovation integrated into learning management. Journal of Curriculum Research and Development, 9(1), 1-16.
Panic, C. (2012). Ways to create learning for students in the 21st century. Bangkok: Somsri Foundation. Sarit Wong.
Phinichamontri, K. (2018). Developing a STEAM Education teaching and learning model to develop skills Living in the 21st Century for Secondary School Students. Retrieved January 16, 2021, from http://1.10.168.203/UserFiles/File/UDON3_20180702113631.pdf
Sathawut, Y. (2012). Strengthening science technology art and math with the STEAM Model. Retrieved January 16, 2021, from http://www.educathai.com/workshop_download_handout_download.php?id=60&page=4.
Supervision Education Unit. (2019). Guidelines for supervision to develop and promote proactive learning management. Bangkok: Office.
Wongthong, P. (2019). Effects of STEAM Education integrated learning activities on science achievement critical thinking skills and satisfaction of students in grade 4. Journal of Science Technology Research Unit and Environment for learning, 10(1), 94-112.
