การศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบ SSCS
Main Article Content
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้รูปแบบ SSCS กลุ่มที่ศึกษาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2560 จากโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 48 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่
1) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้รูปแบบ SSCS จำนวน 10 แผน และ 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น ซึ่งเป็นแบบทดสอบประเภทอัตนัย จำนวน 5 ข้อ โดยคะแนนที่ได้จากการทำแบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาฯ นำมาคำนวณโดยใช้ค่าสถิติพื้นฐาน คือ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ แล้วนำร้อยละของคะแนนเฉลี่ยมาเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 60 ผลการวิจัย พบว่า หลังจากการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง ความน่าจะเป็น โดยใช้ รูปแบบ SSCS นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยความสามารถในการแก้ปัญหาผ่านเกณฑ์ร้อยละ 60 และนักเรียนส่วนใหญ่สามารถทำความเข้าใจกับปัญหาและดำเนินการแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง
Article Details
เอกสารอ้างอิง
Ministry of Education. (2008). Basic Education Core Corriculum B.E. 2551 (A.D. 2008). Bangkok: The Agricultural Cooperative Federation of Thailand. Limited.
[2] นริศรา สาราญวงษ์. (2558). การจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบ SSCS เพื่อพัฒนาความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ เรื่องบทประยุกต์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. (วิทยานิพนธ์ศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยบูรพา).
Narisara Samranwong. (2015). Learning Management by SSCS model for developing Mathematics Problems Solving Ability and Mathematics Learning Achievemant of Pratomsuksa 5 Students. (Master’s Thesis, Burapha University).
[3] สันนิสา สมัยอยู่. (2554). ผลการเรียนรู้แบบ SSCS ที่มีต่อความสามารถในการแก้ปัญหาและการสื่อสารทางคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เรื่องการประยุกต์ของสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว. (ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ).
Sunnisa Samaiyoo. (2011). The Effects of Organizing SSCS Model on Mathematical Problem Solving and Communication Abilities of Mathayomsuksa 2 Students on The Application of Linear Equations in One Variable. (Master’s Thesis, Srinakharinwirot University).
[4] สิริพร ทิพย์คง. (2545). หลักสูตรและการสอนคณิตศาสตร์. กรุงเทพมหานคร: พัฒนาคุณภาพวิชาการ.
Siriporn Thipkong. (2002). Curriculum and Instruction in Mathematics. Bangkok: Institute of Academic Development.
[5] สุกัญญา สุมโน. (2554). การศึกษาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่อง ร้อยละ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้รูปแบบ SSCS โรงเรียนวัดหนองแขม (สหราษฎร์บูรณะ) กรุงเทพมหานคร. วารสารคณิตศาสตร์ โดย สมาคมคณิตศาสตร์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, 55(623 - 625), น. 63 - 72.
Sukanya Sumano. (2011). The Study of Mathematics Ability in Solving Word Problems on Percent of Prathomsuksa Six Students by Using SSCS Model at Watnongkhaem (Saharatburana), Mathematical Journal by The Mathematical Association of Thailand under the Patronage of His Majesty the King, 55(623 - 625), p. 63 - 72.
[6] สุภาพร ปิ่นทอง. (2554). การเปรียบเทียบความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง อสมการและเจตคติต่อการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ได้รับการสอนโดยใช้รูปแบบ SSCS และการสอนโดยใช้เทคนิค KWDL. (ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ).
Supaporn Pinthong. (2011). A Comparison of Mathayomsuksa 3 Students' Mathematical Problem Solving Ability in Inequality and Attitude towards Mathematics Learning by Using SSCS Model and KWDL Technique. (Master’s Thesis, Srinakharinwirot University).
[7] Anderson, L. W., and Krathwohl, D. R. (2001). A Taxonomy for Learning, Teaching, and Assessing: A Revision of Bloom’s Taxonomy of Educational Objectives. New York, USA: Addison Wesley Longman.
[8] Lester, F. K. (2013). Thoughts about research on mathematical problem solving instruction. The Mathematics Enthusiast, 1(10), p. 245 – 278.
[9] Pizzini, E. L., Shepardson, D. P., and Abell S. K. (1989). A rationale for and the development of a problem solving model of instruction in science education. Science Education, 5(73), p. 523 - 534.