การปรับปรุงกระบวนการบดน้ำยาเคลือบเซรามิกส์สำหรับกระเบื้องปูพื้นและบุ ผนังตามกระบวนการแก้ไขปัญหา

Main Article Content

Teerapan Nokyongtong
Tossapol Kiatcharoenpol
Tritos Laosirihongthong

บทคัดย่อ

การศึกษานี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดเวลาการบดน้ำยาเคลือบเซรามิกส์สำหรับใช้เป็นวัตถุดิบเคลือบผิวกระเบื้องปูพื้น
และบุผนังโดยใช้กระบวนการแก้ไขปัญหาแบบเชิงระบบ (Systematic Problem Solving Process) ซึ่งใน
อุตสาหกรรมผลิตกระเบื้องปูพื้นและบุผนังนั้นต้นทุนด้านพลังงานจะเป็นส่วนหลักเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ และใน
ปัจจุบันต้นทุนส่วนนี้คิดเป็นค่าพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการบดแต่ละครั้งโดยเฉลี่ย 67.49 กิโลวัตต่อตัน ขั้นตอน
การศึกษาจะเริ่มจากการกำหนดปัจจัยที่สามารถนำมาอธิบายผลของการบด ซึ่งวัดค่าเป็นเปอร์เซ็นกาก (%
Residue) ของน้ำยาเคลือบ โดยพบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการบดประกอบด้วย ก) ปริมาณลูกบดในหม้อบด ข)
ส่วนผสมของลูกบดที่ขนาดต่างๆ และ ค) ปริมาณวัตถุดิบที่ทำการบด จากนั้นจึงใช้เทคนิคการออกแบบการทดลอง
แบบแฟคเทอเรียล (2k Factorial Design) เพื่อนำไปสู่การหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรข้างต้น ผลการศึกษา
พบว่า พลังงานที่ใช้ในการบดจะสามารถลดลงได้ร้อยละ 25 ภายใต้เงื่อนไขการผลิต คือ ใช้ปริมาณลูกบดร้อยละ
50 ของปริมาตรหม้อบด โดยมีส่วนผสมของลูกบดที่ขนาดต่างๆ คือ ลูกบดขนาด 20 มม. 25 มม. 30 มม. 40 มม.
และ 50 มม. ในอัตราส่วน 11:26:26:26:11 และ ปริมาณวัตถุดิบในการบดร้อยละ 25 ของปริมาตรหม้อบด โดยใช้
เวลาในการบดเพียง 9 ชั่วโมง ซึ่งจากเดิมที่ใช้เวลาในการบด 12 ชั่วโมง

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
Nokyongtong, T., Kiatcharoenpol, T., & Laosirihongthong, T. (2016). การปรับปรุงกระบวนการบดน้ำยาเคลือบเซรามิกส์สำหรับกระเบื้องปูพื้นและบุ ผนังตามกระบวนการแก้ไขปัญหา. วารสารข่ายงานวิศวกรรมอุตสาหการไทย, 2(2), 14–20. สืบค้น จาก https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/ienj/article/view/179518
ประเภทบทความ
Research and Review Article

เอกสารอ้างอิง

[1] ตรีทศ เหล่าศิริหงษ์ทอง,กลยุทธ์การผลิต/การปฎิบัติเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน. ซีเอ็ดยูเคชัน่ , กรุงเทพมหานคร,.2553.
[2] อัมพวรรณ จิรอาภาวงศ์, ตรีทศ เหล่าศิริหงษ์ทอง, และทศพล เกีรติเจริญผล,การประยุกต์ใช้วิธีการ DMAIC สำหรับปรับปรุงกระบวนการผลิตสุขภัณฑ์เซรามิกส์, วิศวกรรมสาร ฉบับวิจัยและพัฒนา, ปีที่ 19 ฉบับที่ 4, 2551
[3] พิศุทธิ์ พงศ์ชัยฤกษ์. 2556. ประโยชน์ และการประยุกต์ใช้วิศวกรรมวิธี ,วิศวกรรมสาร มก.ฉบับที่ 83 ปีที่ 26 ม.ค. – มี.ค.,2556
[4] DouglasC. Mongomery.2 0 0 8 . Design and Analysis of Experiment , John wiley & Sons
[5] Durward K. Sobek II, Vikas K. Jain The Engineering Problem-Solving Process .Montana State University,2004
[6] Jennifer Docktor and Kenneth Heller. Assessment of Student Problem Solving Processes. School of Physics and Astronomy, University of Minnesota, Minneapolis,2010