การเปรียบเทียบอัตราการสึกหรอและอายุการใช้งานของเกลียวอัดขึ้นรูปเชื้อเพลิงถ่านอัดแท่งที่ผ่านสารชุบแข็งต่างกัน
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้เป็นการการเปรียบเทียบอัตราการสึกหรอและอายุการใช้งานของเกลียวอัดขึ้นรูปเชื้อเพลิงถ่านอัดแท่งที่
ผ่านสารชุบแข็งต่างกัน การดำเนินงานวิจัยใช้เกลียวอัดขึ้นรูปเชื้อเพลิงถ่านอัดแท่งที่ทำจากเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ
มีคาร์บอนผสมอยู่ประมาณ 0.20%C มาทำแพ็คคาร์บูไรซิ่งที่อุณหภูมิ 930C เป็นเวลา 210 นาที ให้ได้คาร์บอน
ในปริมาณ 0.35%C ขึ้นไป จากนั้นนำไปผ่านกระบวนการชุบแข็งด้วยเปลวความร้อนที่อุณหภูมิ 860C เป็น
ระยะเวลา 1 ชั่วโมง จุ่มชุบให้เย็นตัวด้วยสารชุบคือน้ำ น้ำมันและอากาศ ตามลำดับ นำชิ้นงานไปทดสอบความแข็ง
และทดสอบความต้านทานการสึกหรอด้วยล้อขัดกระดาษทรายและทำการทดสอบในสภาพการทำงานจริงโดยการ
อัดผงถ่านจากซังข้าวโพดขึ้นรูปเป็นเชื้อเพลิงถ่านอัดแท่ง ผลจากการดำเนินงานวิจัยพบว่าเกลียวอัดที่ผ่านการทำ
แพ็คคาร์บูไรซิ่งผ่านการชุบแข็งด้วยเปลวความร้อนและจุ่มชุบด้วยน้ำมันจะมีคุณภาพและมีคุณสมบัติทางกลสูง
กว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสารชุบอื่น ซึ่งจะมีความแข็งที่ 56 HRC ค่าความต้านทานการสึกหรอด้วยล้อขัดกระดาษ
ทรายที่ 0.08%โดยน้ำหนัก และค่าความต้านทานต่อการสึกหรอจากสภาพการทำงานจริงที่ช่วงทดสอบการอัดขึ้น
รูปผงถ่านซังข้าวโพด 200 กก. ที่ 0.3%โดยน้ำหนัก
Article Details
บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารฯ ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสารฯ หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใดๆ จะได้รับอนุญาต แต่ห้ามนำไปใช้เพื่่อประโยชน์ทางธุรกิจ และห้ามดัดแปลง
เอกสารอ้างอิง
[2] อนันต์ มีนาค. การสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องจักรกล และการติดตามสภาพ 2549.
[3] วรรธฐกร รักษ์ชนและสายพิณ*ลังกาวงษ์. การศึกษาการเปรียบเทียบอุณหภูมิและสารชุบที่มีผลต่อความแข็งและความต้านทานต่อการสึกหรอจากกระบวนการอบชุบทางความร้อน, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก ; 2554.
[4] คมสรรค์ ชมแผน. การศึกษากระบวนการชุบแข็งในกระบวนการผลิตจอบ โดยทำการศึกษาตัวแปรชนิดต่างๆในการชุบชุบแข็ง คือสารตัวกลางในการชุบแข็ง สารตัวกลางในการชุบแข็งคืออากาศและน้ำมัน. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ; 2546.
[5] วิสุทธิ์ พืชมงคล. การอบชุบเหล็กกล้าด้วยความร้อน. สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและโลหะการ 2532.
[6] มนัส สภิรจินดา. วิศวกรรมการอบชุบเหล็ก.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2535.