การใช้ RPN เพื่อระบุและลดข้อบกพร่องในเครื่องบรรจุหีบห่อ กรณีศึกษา

Main Article Content

อำนาจ อมฤก

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบและควบคุมปัจจัยประสิทธิภาพของการทำงานของเครื่องบรรจุแนวนอนที่มีอิทธิพลต่อประสิทธิผลโดยรวม การศึกษามุ่งเน้นไปที่เครื่องบรรจุแนวนอนรุ่น KM1200 RB และมีการนำหลักการประสิทธิภาพของเครื่องจักรโดยรวมมาใช้ ดำเนินการวิเคราะห์ข้อบกพร่องและผลกระทบและแก้ไขปัญหาที่ตรวจพบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องบรรจุแนวนอน โดยประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรอยู่ที่ร้อยละ 77.30 และจากการวิเคราะห์ข้อมูลจึงพบว่าปัญหาหลักคือ ใบมีดสับซองไม่ขาด น็อตยึดหน้าเอ็นซีลหัก และหน้าเอ็นซีลแตก ซึ่งเกิดจาก End Cutter Sealer ไม่สามารถตัดซองได้ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ได้ดำเนินการปรับปรุงสองประการคือ ประการแรก มีการแนะนำและให้ความรู้เรื่องใบมีดสำหรับ End Cutter Sealer และประการที่สอง การปรับปรุงแผนการบำรุงรักษาด้วยตนเองเพื่อตรวจสอบระดับใบมีดและให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับใบมีด หลังจากดำเนินการแก้ไข พบว่าประสิทธิภาพของเครื่องบรรจุแนวนอนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 82.92 แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.62 การค้นพบนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าในการปรับปรุงประสิทธิภาพของเครื่องบรรจุแนวนอน และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการวิเคราะห์ข้อบกพร่องและผลกระทบในการระบุปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของเครื่องจักร

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
อมฤก อ. (2023). การใช้ RPN เพื่อระบุและลดข้อบกพร่องในเครื่องบรรจุหีบห่อ กรณีศึกษา. วารสารข่ายงานวิศวกรรมอุตสาหการไทย, 9(2), 58–65. สืบค้น จาก https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/ienj/article/view/251184
ประเภทบทความ
Research and Review Article

เอกสารอ้างอิง

Naol Dessalegn Dejene, Mahesh Gopal. The Hybrid Pareto Chart and FMEA methodology to Reduce Various Defects in Injection Molding Process. Solid State Technology, Vol.64 Iss.2, 2021, pp.3541-3555

Ali Görener, Kerem Toker. Quality Improvement in Manufacturing Processes to Defective Products using Pareto Analysis and FMEA. Beykent University Journal of Social Sciences, Vol.6 No.2, 2013, pp.45-62

วราธร ปัญญางาม. การจัดทาระบบการบารุงรักษาเครื่องจักรด้วยเทคนิค FMEA กรณีศึกษา กระบวนการแปรรูปเนื้อสัตว์ตัวอย่าง. วิศวสารลาดกระบัง ปีที่ 33 ฉบับที่ 4 ธันวาคม 2559 หน้า 24-31

Peter Kardosa, Patrik Lahutaa, Maria Hudakovaa. Risk Assessment Using the FMEA method in the Organization of Running Events. 14th International scientific conference on sustainable, modern and safe transport, Transportation Research Procedia, Vol. 55, 2021, Pages 1538-1546

Nedeliakova, E. Stefancova, V. Kuka, A. Innovative methodology for quality and risk management in logistics processes of transport undertaking, 18th International Scientific Conference on Business Logistics in Modern Management, Croatia, 2018, pp. 41-53

Jiam Jun-a-nun, Dumrongkiat Ratana-amornpin, Korakot Hemsathapat, Narongpon Boonsongpaisan. An Application of Failure Mode and Effect Analysis (FMEA) Technique in the Final Inspection Process of an Integrated Circuit Industry. Journal of Engineering and Technology, Vol.1 No.1, January-June 2013, pp.34-38

Sekar Vinodh and D. Santhosh. Application of FMEA to an automotive leaf spring manufacturing organization. The TQM Journal, Vol.24 No.3, 2012, pp.260-274

รัชฎากรณ์ ภู่ห้อย และ ประจวบ กล่อมจิตร. การวิเคราะห์ความเสี่ยงระดับปฏิบัติการ กรณีศึกษา โรงงานผลิตถุงพลาสติก. วารสารวิศวกรรมศาสตร์และนวัตกรรม ปีที่ 15 ฉบับที่ 4 ประจําเดือน ตุลาคม-ธันวาคม 2565 หน้า 120-128

Randula L. Hettiarachchi, Pisut Koomsap and Panarpa Ardneam. VIKOR power law-based customer-oriented FMEA with complete unique risk priority numbers. International Journal of Quality & Reliability Management, Vol. 39 No. 8, 2022, pp. 2020-2040

กิตติชัย อธิกุลรัตน์, ศิรัตน์ แจ้งรักษ์สกุล และเจษฎา พลายชุมพล. การประยุกต์รูปแบบความล้มเหลวและการวิเคราะห์ผลกระทบเพื่อลดของเสียในกระบวนการผลิตเสาไฟฟ้า. วิศวสารลาดกระบัง ปีที่ 38 ฉบับที่ 3 กันยายน 2564 หน้า 63-76