การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวเพื่อการบริหารจัดการ แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม กรณีศึกษา: หมู่บ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช, สนามช้างอารีน่า จังหวัดบุรีรัมย์ และวัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดอยุธยา

Main Article Content

ปภากร พิทยชวาล
วีรชัย อาจหาญ
ณัฐมน พิไลวงศ์
จีระนัน พิมพ์ดี

บทคัดย่อ

งานวิจัยเรื่องนี้นำเสนอปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวเพื่อการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งจะส่งผลต่อด้านจิตวิทยาของประชาชนในพื้นที่ การเก็บข้อมูลของงานวิจัยนี้อยู่ภายในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สมมติฐานของการวิจัย คือ วิเคราะห์ข้อมูลที่มีผลต่อจิตวิทยาของประชาชนในพื้นที่ท่องเที่ยวซึ่งคาดว่าปัจจัยที่จะส่งผลด้านจิตวิทยา ได้แก่ 1. ความรู้สึกแออัด 2. สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมและลักษณะทางภูมิทัศน์ 3. การบริหารจัดการพื้นที่ 4. จำนวนนักท่องเที่ยวที่พบในชุมชน 5. พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ และการวิจัยได้มีการศึกษาเปรียบเทียบแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 3 รูปแบบ คือ กลุ่มที่ 1 การท่องเที่ยววัฒนธรรมชนบท (Rural Cultural Tourism) กลุ่มที่ 2 การท่องเที่ยววัฒนธรรมทันสมัย (Modern Cultural Tourism) และกลุ่มที่ 3 การท่องเที่ยวแหล่งมรดก (Heritage Tourism) โดยผลการวิจัยพบว่าค่า  มีค่า  จึงสรุปได้ว่าภาพรวมของการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแต่ละรูปแบบส่งผลต่อความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และจากการวิเคราะห์ข้อมูลแต่ละด้านค่า , , ,  และ  มีค่า  จึงสรุปได้ว่าการบริหารจัดการของแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแต่ละรูปแบบส่งผลต่อความรู้สึกพึงพอใจของนักท่องเที่ยวทั้ง 5 ด้านอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และได้มีการเปรียบเทียบการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในแต่ละรูปแบบของแต่ละด้าน โดยศึกษาความแตกต่างความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวในการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมว่ามีความแตกต่างกันมากกว่าหรือน้อยกว่าด้วยการทำการทดสอบภายหลังด้วยสถิติทดสอบ Scheffe ซึ่งได้มีการเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ 1 กลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 ทั้ง 5 ด้าน พบว่า ค่า มีค่าเป็นลบ และค่า   ซึ่งแสดงว่านักท่องเที่ยวมีความพึงพอใจในการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 5 ด้านของกลุ่มที่ 1 มีความพึงพอใจน้อยกว่ากลุ่มที่ 2 และ 3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ดังนั้น การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในแต่ละรูปแบบจึงต้องมีการวางแผนและการสร้างกลยุทธ์ในการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่แตกต่างกันในแต่ละรูปแบบการท่องเที่ยวเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ตรงตามเป้าหมายของกลุ่มนักท่องเที่ยว

Article Details

ประเภทบทความ
บทความวิจัย (Research Article)

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สถิตินักท่องเที่ยวในประเทศ (รายจังหวัด), ข้อมูลจาก https://www.mots.go.th/ more_new s_new. php?cid=411 (วันที่สืบค้นข้อมูล 13 พฤศจิกายน 2563)

จารุวรรณ วิโรจน์ (2557). การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียวและการเปรียบเทียบพหุคูณในงานวิจัยทางสาธารณสุข กรณีตัวอย่างการป้องกันโรคไข้เลือดออก. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. Vol.34, No.3, May-June 2015

ชุมพล รอดแจ่ม. 2555. เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี. รายงานฉบับสมบูรณ์.

ดรรชนี เอมพันธุ์, พิมพ์ลภัส พงศกรรังศิลป์ และวันชัย อรุณประภารัตน์.2562. คู่มือการกำหนดขีดความสามารถในการรองรับการท่องเที่ยวพื้นที่หมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่, สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.), กรุงเทพ

เถกิงศักดิ์ ชัยชาญ. 2556. “การพัฒนาคุณภาพการท่องเที่ยวเชิงนิเวศในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี.

ทรงศักดิ์ ภูสีอ่อน (2551). การประยุกต์ใช้ SPSSวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัย. กาฬสินธุ์: ประสานการพิมพ์

บันลือศักดิ์ วงษ์ภักดี (2552). ขีดความสามารถในการรองรับการใช้ประโยชน์ด้านนันทนาการของอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง. วารสารสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ. Vol.7, No.1, June 2009

พิมพ์ลภัส พงศกรรังศิลป์ และคณะ, 2562. โครงการย่อยที่ 1: การกำหนดขีดความสามารถในการรองรับการท่องเที่ยวด้านกายภาพ จิตวิทยา สังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจ ของแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่หมู่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่. รายงานฉบับสมบูรณ์.

ไพฑูรย์ สุขศรีงาม (2557). หลักการใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนหลายตัวแปร Multivariate Analysis of Variance: MANOVA. วารสารวิชาการการจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม. ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 มกราคม – มิถุนายน 2557 หน้าที่ 7-13.

วราภรณ์ ดวงแสง. 2562. ขีดความสามารถในการรองรับด้านจิตวิทยาของแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์. มนุษยศาสตร์สาร ,ปีที่ 20 ,ฉบับที่ 3 : 200-234.

Jaruwan Viroj. (2014). One-Way ANOVA and Multiple Comparison in Public Health Research: A Case Study of Hemorrhagic Fever Protection. Journal of Science and Technology Mahasarakham University. Vol 34. No 3, 304-3

Kirk,R.E. (1982). Experimental Design:Procedures for the Behavioral Sciences, 2nd . ed., Monterey, Calif. : Brooks/Cole

Olson,C.L. (1974). Comparative Robustness of Six Tests in Multivariate Analysis of Variance. Journal of the American Statistical Association, 69, 894-908.

Pallant, J.F. (2005). SPSS survival manual : a step by step guide to data analysis using SPSS. 2nd ed. Crows Nest, N.S.W. : Alen & Unwin.

Rex B. Kline. (2011). “Principles and Practice of Structural Equation Modeling” p.63

Stevens,J.R. (2009). Applied Multivariate Statistics for Social Sciences. New York: Routledge Tayler Francis Company.

Yamane, T. (1973). Statistics: An introductory statistics, (Second Edition). New York: Harper & Row.