การวัดการละลายของปุ๋ยในการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ โดยใช้ค่าความนำไฟฟ้า
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบระบบการวัดการละลายของปุ๋ยในน้ำที่ใช้กับการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งสามารถวัดการละลายของปุ๋ยหรือความเข้มข้นของปุ๋ยในน้ำแบบเวลาจริงโดยหลักการวัดค่าความนำไฟฟ้าและส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไปแสดงบนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า การวัดการละลายของปุ๋ยในน้ำจากระบบที่ออกแบบขึ้นสามารถวัดค่าความนำไฟฟ้าได้อย่างถูกต้อง
Article Details
วารสารวิศวกรรมฟาร์มและเทคโนโลยีควบคุมอัตโนมัติ (FEAT Journal) มีกําหนดออกเป็นราย 6 เดือน คือ มกราคม - มิถุนายน และกรกฎาคม - ธันวาคม ของทุกปี จัดพิมพ์โดยกลุ่มวิจัยวิศวกรรมฟาร์มและเทคโนโลยีควบคุมอัตโนมัติ คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็นการส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ ผลงานทางวิชาการ งานวิจัยทางด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีพร้อมทั้งยังจัดส่ง เผยแพร่ตามสถาบันการศึกษาต่างๆ ในประเทศด้วย บทความที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร FEAT ทุกบทความนั้นจะต้องผ่านความเห็นชอบจากผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้องและสงวนสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2535
References
[2] J. Pitakphongmetha, N. Boonnam, S. Wongkoon, T. Horanont, D. Somkiadcharoen, J. Prapakornpilai, Internet of things for planting in smart farm hydroponics style, in: 2016 International Computer Science and Engineering Conference (ICSEC), 2016, pp. 1-5.
[3] S. Ruengittinun, S. Phongsamsuan, P. Sureeratanakorn, Applied internet of thing for smart hydroponic farming ecosystem (HFE), in: 2017 10th International Conference on Ubi-media Computing and Workshops (Ubi-Media), 2017, pp. 1-4.
[4] K. Chooruang, P. Mangkalakeeree, Wireless Heart Rate Monitoring System Using MQTT, Procedia Computer Science, 86 (2016) 160-163.
[5] R.K. Kodali, K.S. Mahesh, A low cost implementation of MQTT using ESP8266, in: 2016 2nd International Conference on Contemporary Computing and Informatics (IC3I), 2016, pp. 404-408.
[6] S. Saha, A. Majumdar, Data centre temperature monitoring with ESP8266 based Wireless Sensor Network and cloud based dashboard with real time alert system, in: 2017 Devices for Integrated Circuit (DevIC), 2017, pp. 307-310.