การประเมินอายุที่เกิดจากความล้าของท่อความร้อนชนิดสั่นวงรอบ ที่ติดตั้งวาล์วกันกลับที่สภาวะอุณหภูมิการทำงาน

Main Article Content

สถิตพงศ์ เสงี่ยมศักดิ์
Osamu Watanabe
บพิธ บุปผโชติ
สัมพันธ์ ฤทธิเดช

Abstract

บทคัดย่อ

             การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินอายุจากความล้าสำหรับท่อความร้อนชนิดสั่นวงรอบที่ติดตั้งวาล์วกันกลับ โดยกระบวนการทำนายอายุจากความล้าของท่อทองแดงเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในท่อความร้อน CLOHP/CV การทดสอบความล้าจะดำเนินการโดยใช้ตัวอย่างชิ้นงานที่ทำจากท่อทองแดง C1220 ทดสอบที่อุณหภูมิ 293 473 และ 573 องศาเคลวิน รูปทรงชิ้นงานแบบ (Hourglass) ที่แตกต่างกัน 3 ประเภท แบ่งเป็น Uniform type, One-wave type และ Two-wave type จากการศึกษาพบว่าอายุการใช้งานของชิ้นงานทดสอบจะเป็นผลมาจากการยืดตัวในแนวเส้นตรงของโครงสร้างวัสดุของชิ้นงาน กับรูปทรงชิ้นงาน (Hourglass) กล่าวได้ว่าจำนวนรอบของความเสียหาย (Nf) จากชิ้นงานประเภท Two-wave รูปทรงชิ้นงานค่อนข้างไวต่อการเคลื่อนตัวของความล้าในระหว่างการทดสอบ                    โดยที่อุณหภูมิ 573 องศาเคลวิน จะมีผลกระทบต่อความเสียหายมากที่สุด

 

Abstract

             This study evaluates the fatigue life of a closed-loop oscillating heat-pipe with check valves (CLOHP/CV). The method was predicting the fatigue life of the copper tube to apply for the CLOHP/CV. The fatigue test was carried out by using the specimens made of copper tube (C1220)     at the temperature of 293 (room temperature), 473 and 573 K. The three types of hourglass shaped specimen included uniform type, one-wave type and two-wave type specimens. It was found that the effect was a direct extension of material structures of specimen and hourglass shaped. It can be said that the number of cycles to failure (Nf) of the two-wave type specimen, hourglass shaped specimen was rather sensitive to fatigue motion during testing, and the temperature of 573 K has the greatest failure impact.

Article Details

How to Cite
[1]
เสงี่ยมศักดิ์ ส., O. Watanabe, บุปผโชติ บ., and ฤทธิเดช ส., “การประเมินอายุที่เกิดจากความล้าของท่อความร้อนชนิดสั่นวงรอบ ที่ติดตั้งวาล์วกันกลับที่สภาวะอุณหภูมิการทำงาน”, RMUTP Sci J, vol. 8, no. 2, pp. 42–55, Oct. 2014.
Section
บทความวิจัย (Research Articles)