ศักยภาพในการผลิตก๊าซชีวภาพโดยการหมักร่วมระหว่างของเสียจากการเลี้ยงไก่กับสาหร่ายหางกระรอก
Main Article Content
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้ศึกษาการผลิตก๊าซชีวภาพโดยการหมักร่วมแบบไร้อากาศระหว่างสาหร่ายหางกระรอกจากทะเลสาบสงขลาและมูลไก่ จากการศึกษาองค์ประกอบของของเสียทั้งสองชนิด พบว่ามูลไก่และสาหร่ายหางกระรอกมีค่าซีโอดี เท่ากับ 11.20 และ14.40 กรัมต่อลิตร และมีค่าพีเอช เท่ากับ 6.53 และ 5.53 ตามลำดับ การทดลองการผลิตก๊าซชีวภาพโดยใช้การย่อยในสภาวะไร้อากาศแบบเดี่ยวของสาหร่ายหางกระรอกที่ไม่ผ่านการปรับสภาพพบว่าให้ปริมาณมีเทนสะสม เท่ากับ 1,521 มิลลิลิตรต่อกรัมของแข็งระเหย และผลผลิตมีเทน เท่ากับ 78.28 ลิตรมีเทนต่อกิโลกรัมวัสดุหมัก สำหรับสาหร่ายหางกระรอกที่ผ่านการปรับสภาพด้วยโซเดียมไฮดรอกไซด์ เข้มข้นร้อยละ 2 โดยมวลต่อปริมาตร ให้ปริมาณมีเทนสะสม เท่ากับ 1,786 มิลลิลิตรต่อกรัมของแข็งระเหย และผลผลิตมีเทน เท่ากับ 91.87 ลิตรมีเทนต่อกิโลกรัมวัสดุหมัก ซึ่งผลผลิตมีเทนเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 เมื่อเทียบสาหร่ายหางกระรอกที่ไม่ผ่านการปรับสภาพ ในการทดลองการผลิตก๊าซชีวภาพโดยใช้การย่อยในสภาวะไร้อากาศแบบเดี่ยวของมูลไก่พบว่าให้ปริมาณมีเทนสะสมและผลผลิตมีเทนเท่ากับ 978 มิลลิลิตรต่อกรัมของแข็งระเหย และ 50.73 ลิตรมีเทนต่อกิโลกรัมวัสดุหมัก ตามลำดับ ซึ่งน้อยกว่าการศึกษาโดยใช้สาหร่ายหางกระรอก การศึกษาการหมักร่วมระหว่างสาหร่ายหางกระรอกกับมูลไก่ในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน 3 ระดับ คือ 1:1, 2:1 และ 3:1 พบว่า การหมักร่วมสาหร่ายหางกระรอกที่ผ่านการปรับสภาพร่วมกับมูลไก่ที่อัตราส่วน 3:1 และ 2:1 ให้ปริมาณผลผลิตมีเทนสะสมสูงสุดคือ 3,202 และ 2,122 มิลลิลิตรต่อกรัมของแข็งระเหย ตามลำดับ และให้ผลผลิตมีเทนเท่ากับ 82.53 และ 82.26 ลูกบาศก์เมตรต่อตันวัสดุหมัก ตามลำดับ ซึ่งไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่นร้อยละ 95
Article Details
เอกสารอ้างอิง
[2] The Botanical garden organization. (2018, March 20). Plants Database The Botanical garden organization. [Online]. Available: https://www.qsbg.org/Database/plantdb/searchmix.asp
[3] K. varnishgul, S. Champasri, J. Kulsiri, P. Chantevee and Y. Prasertchai, “Efficiency of hydrilla (hydrilla verticillata) in water quality improvement,” RMUTP Research Journal, vol.9, no.2, pp. 11-18, Sep. 2015.
[4] APHA, AWWA and WPCF, Standard methods for the examination of water and wastewater, American Public Health Association, Washington, DC, 1998.
[5] Morris, “Quantitative determination of carbohydrates with Dreywood’s anthrone reagent,” Science, vol. 107, no.1, pp. 254-255, 1948.
[6] B. G. Miller, “Use of dinitrosalicylic acid reagent for determination of reducing sugar,” Analytical Chemistry, vol. 31, no.3, pp. 426-428, 1959.
[7] A. Sluiter, B. Hames, R. Ruiz, C. Scarlata, J. Sluiter, D. Templeton and D. Crocker, “Determination of Structural Carbohydrates and Lignin in Biomass,” Laboratory Analytical Procedure, vol. 8, pp. 1-15, 2012.
[8] I. Angelidaki, M. Alves, D. Bolzonella, L. Borzacconi, J.L. Campos and A. J. Guwy, “Defining the biomethane potential (BMP) of solid organic wastes and energy crops : a proposed protocol for batch assays,” Water Science & Technology, vol. 59, no.5, pp. 927 – 934, 2009.
[9] N. Sakar, S.K. Ghosh, S. Bennerjee and K. Aikat, “Bioethanol production from agricultural wastes: An Overview,” Renewable Energy, vol. 37, no.1, pp. 19-27, 2012.
[10] C. Wongvan and O. Chavalparit, “Biogas production from co-digestion of pretreated corn stalk and glycerol waste,” Proceedings of the 9th Kasetsart University Kamphaeng Saen Campus Conference: Engineering, Science Technology and Environment, Thailand, 2012, pp. 1837-1844.
[11] W. Tongnu, “Biogas production from mixture of cow dung and hydrilla verticilata as supplementary energy in unsmoked rubber sheet,” M.S. thesis, Dept. Energy. Tech., King Mongkut's Univ., Bangkok, Thailand, 1999.