The study of Guidelines on the application of Geographic Information Systems for finding routes to rescue victims from aircraft accidents

Main Article Content

Kriengkrai Thana

Abstract

This research is the study of Geographic Information System (GIS) to apply the process of Geographic Information System as a guideline to find the most suitable route to rescue the victims of an aircraft accident. The researcher collects research data and academic writings related to the application of geographic information systems in various fields, including a collection of documents related to search and rescue both in the military and lifesaving activity by the government and private organizations through qualitative research. After that, the researcher analyzes the problems and the needs to help the victims in order to find a method to properly analyze the problem. Then, the model and technological analysis of the geographic information system is deliberated using network analysis and multi-criteria decision analysis until obtaining a model for using the data to prepare the area data as the first process. Next, change the map data to the coordinate system and use it to create the relational database. Hence, the data can be used to write a set of instructions to achieve the result of the guideline of the process model of the connected GIS technology in order to process the result as the pathway to find the safest and the fastest route to rescue the victims.

Article Details

How to Cite
[1]
K. Thana, “The study of Guidelines on the application of Geographic Information Systems for finding routes to rescue victims from aircraft accidents”, NKRAFA J SCI TECH, vol. 19, no. 1, pp. 104–116, Jun. 2023.
Section
Academic Articles

References

กองทัพอากาศ. (2563). ยุทธศาสตร์กองทัพอากาศ 20 ปี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2563). สืบค้น 12 มีนาคม 2565,

จาก www.rtaf.mi.th/th/Documents/Publication/RTAF%20Strategy_Final_04122563.pdf

สุพิจจารณ์ ธรรมวาทะเสรี. (2563). แนวทางการพัฒนาการใช้อากาศยานไร้คนขับช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ.

วารสารรัฏฐาภิรักษ์, ปีที่ 64(3): 10-18.

ชัญญาวัจน์ สถิตภัทรสมบัติ และ ภูมิพัฒน์ ดวงกลาง. (2564). การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและการส่งข้อมูล

ผ่านเครือข่ายเซลลูลาร์ในการติดตามอากาศยานสำหรับการค้นหาและช่วยชีวิต.วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

นายเรืออากาศ, ปีที่ 17(1) : 60 - 70.

อุทุมพร อินทร์จอหอ และ ธัญญรัตน์ ไชยคราม. (2552). การวิเคราะห์โครงข่ายด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์

เพื่อหาแบบจำลองที่ตั้งที่เหมาะสมสำหรับจุดรองรับขยะมูลฝอยในพื้นที่เทศบาลนครนครราชสีมา. วารสาร

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี., มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. ปทุมธานี.

Andrew, J. H., Stefan, H., & Elisabeth, B. (2008). A multi-objective model for environmental investment decision

making. Comput. Oper. Res., 35(1), 253–266.

Worrall, L. (1991). Spatial analysis and spatial policy using geographic information system. London: Belhaven Press.

เสาวลักษณ์ เทียนส้ม. (2564). การประยุกต์ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อจัดสรรจุดจอดรถฉุกเฉินสำหรับบริการ

ผู้สูงอายุ กรณีศึกษา พื้นที่เมือง จังหวัดพิษณุโลก. ภาควิชาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะเกษตรศาสตร์

ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, มหาวิทยาลัยนเรศวร.พิษณุโลก.

ภาคินัย ชัยเจริญวุฒิ และคณะ. (2563). การประยุกต์ใช้ข้อมูลหลายปัจจัยเชิงพื้นที่และเวลาร่วมกับข้อมูลจากสื่อสังคม

ออนไลน์ด้วยวิธีการแสดงผลข้อมูลสำหรับการจัดสรรจุดจอดรถพยาบาลฉุกเฉิน. วารสารไทยการวิจัยดำเนินงาน. 8(1): 26 -36.

ธัญญรัตน์ ไชยคราม. (2561). การประยุกต์ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อวิเคราะห์เส้นทางการท่องเที่ยว เขตพื้นที่

เมือง ต้องห้าม...พลาดในกลุ่มการท่องเที่ยวภาคกลาง. วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ปีที่ 26 (7): 1117 - 1127.

อาคีรา ราชเวียง. (2561). การพัฒนาระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวลุ่มแม่น้ำท่าจีน.

วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยธนบุรี, ปีที่ 12 (28): 37 - 51.

สรญา แก้วพิทูลย์. (2555). การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมศาสตร์ (GIS) เพื่อวิเคราะห์หาพื้นที่เสี่ยงต่อการระบาด

โรคมาลาเรียในจังหวัดสุรินทร์. รายงานการวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ปีงบประมาณ พ.ศ.2554. นครราชสีมา.

สุพิชฌาย์ ธนารุณ และ จินตนา อมรสงวนสิน. (2553). การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ในการกำหนด

พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยจังหวัดอ่างทอง. วารสารการจัดการสิ่งแวดล้อม, ปีที่ 6(2): 19-34.