กลยุทธ์การพัฒนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร

Main Article Content

ดวงสุดา เตโชติรส

Abstract

บทคัดย่อ

บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอกลยุทธ์ในการพัฒนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ซึ่ง ได้กำหนดไว้เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารมหาวิทยาลัยในช่วงเวลาดำรงตำแหน่งอธิการบดีในรอบวาระที่ 2 (พ.ศ. 2552-2556) โดยได้วางกลยุทธ์การพัฒนาไว้ 9 ด้านให้ครอบคลุมทุกภารกิจของสถาบันอุดมศึกษา อันได้แก่ การบูรณาการหลักสูตรแบบองค์รวม การสร้างความเข้มแข็งทางวิชาชีพเฉพาะทาง การบริหารจัดการเชิงรุก การพัฒนานักศึกษาและบัณฑิตให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทางการศึกษา การให้บริการวิชาการเพื่อสร้างและพัฒนาอาชีพโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง การสนับสนุนและสืบสานงาน ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม การพัฒนางานวิจัย/นวัตกรรม/สิ่งประดิษฐ์เชิงบูรณาการ และ การเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ความเป็นเลิศ เพื่อให้มหาวิทยาลัยดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ และเป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาระดับอุดมศึกษา นอกจากนี้ ได้นำเสนอผลการดำเนินงานตาม กลยุทธ์ในรอบ 1 ปี ของการบริหารมหาวิทยาลัยด้วย

คำสำคัญ : กลยุทธ์การพัฒนามหาวิทยาลัย

 

Abstract

This paper addresses the strategies that our university adopts the new for running tasks and used to bring about our university development. It identified 9 key strategies that led the adoption of university development, including all university missions such as holistic integrated curriculum development, strengthening specific vocational education, strategic management, student development, professional development, academic service to community, art, culture and environment conservation, integrated research invention and innovation development, as well as, knowledge published and transfered to achieve the excellence. All of them aim to respond the increasing of potential and competitiveness and also present the performance of these strategies in the 1-year round

Keywords : University Development Strategies

Article Details

How to Cite
[1]
เตโชติรส ด., “กลยุทธ์การพัฒนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร”, RMUTP Sci J, vol. 5, no. 1, pp. 1–12, Dec. 2012.
Section
บทความพิเศษ (Special Article)