การสำรวจชนิดและการใช้ประโยชน์ของข่าในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ
คำสำคัญ:
ข่า, ความหลากชนิด, สัณฐานวิทยา, การใช้ประโยชน์บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความหลากชนิด และการใช้ประโยชน์ของข่าในพื้นที่อำเภอบางบ่อ อำเภอบางพลี อำเภอบางเสาธง และอำเภอเมืองสมุทรปราการ ซึ่งมีการดำเนินการตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 โดยมีการเก็บตัวอย่างพืชเพื่อใช้ตรวจสอบชื่อพฤกษศาสตร์ จัดทำตัวอย่างพรรณไม้แห้ง บันทึกข้อมูลพืช ชื่อพื้นเมือง ช่วงเวลาการออกดอก นิเวศวิทยา และได้สร้างรูปวิธานระบุชนิด รวมถึงมีการบันทึกข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ที่มีความรู้ในการใช้ประโยชน์จากพืช จากผลการศึกษาลักษณะทางสัณฐานวิทยาในตัวอย่างข่าทั้งหมด 32 ตัวอย่าง พบว่ามีข่าจำนวน 2 ชนิด ได้แก่ ข่าหลวง (Alpinia galanga (L.) Willd.) และข่าแดง (Alpinia siamensis K. Schum.) โดยชนิดที่มีการกระจายพันธุ์ในพื้นที่มากที่สุดคิดเป็น 84 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่ A. siamensis ข่าชนิดนี้พบในพื้นที่ปลูกทั้ง 4 อำเภอ 18 ตำบล ส่วนชนิด A. galanga พบในพื้นที่ปลูก 3 อำเภอ 4 ตำบล คิดเป็น 16 เปอร์เซ็นต์ ในการศึกษาครั้งนี้ได้มีการเก็บข่าในตำบลบางเพรียง อ.บางบ่อ ทั้งหมด 3 ตัวอย่าง โดยผลการตรวจสอบพบว่าเป็น A. siamensis ทั้งหมด ซึ่งข่าของตำบลบางเพรียงค่อนข้างมีชื่อเสียงเนื่องจากมีขนาดเหง้าใหญ่ ขาว สวยและอร่อย ทำให้มีพ่อค้ามารับซื้อทั้งจากในพื้นที่และนอกพื้นที่ สำหรับการศึกษาข้อมูลการใช้ประโยชน์สามารถแบ่งการใช้ประโยชน์ออกเป็น 2 ด้าน ได้แก่ ด้านอาหาร และด้านสมุนไพร ซึ่งความรู้ต่าง ๆ เหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษสืบต่อกันมา
เอกสารอ้างอิง
สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช. พืชวงศ์ขิงข่า. สวจ.จุลสารราย 4 เดือน 2558;7(3):4-5.
Larsen K. A Preliminary Checklist of the Zingiberaceae of Thailand. Thai Forest Bulletin (Botany) 1996;24:35-49.
Saensouk S. Biology and Taxonomy of the Genus Alpinia Roxb. (Zingiberaceae) in Thailand. A Thesis for the Degree of Doctor of Philosophy, Khon Kaen University. Khon Kaen University. Khon Kaen; 2006.
สถาบันจัดตั้งสถาบันอุทยานธรรมชาติวิทยาสิรีรุกขชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล. ข่า อาหารเป็นยาคู่ครัวไทย [อินเทอร์เน็ต]. 2566 [เข้าถึงเมื่อ 16 ก.พ. 2566]. เข้าถึงได้จาก: https://sr.mahidol.ac.th/hbe01/
นิดดา หงษ์วิวัฒน์, ทวีทอง หงษ์วิวัฒน์, สุภาพรรณ เยี่ยมชัยภูมิ. ผัก คุณค่าอาหารและการกิน 333 ชนิด. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: บริษัท สำนักพิมพ์แสงแดด จำกัด; 2550.
อดุลย์ เบญจวรรณากร. ประโยชน์มหัศจรรย์ ข่า. กรุงเทพฯ: บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิซซิ่ง จำกัด (มหาชน); 2557.
อรนุช เกษประเสริฐ. พืชสมุนไพรวงศ์ ZINGIBERACEAE. กรุงเทพฯ: สำนักวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพ กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์; 2550.
ศุภยางค์ วรวุฒิคุณชัย, สุกัลญา หลีแจ้. สมุนไพรไทยต้านจุลินทรีย์. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย; 2560.
วัชราภรณ์ ศรีพอ, ธนัท อ้วนอ่อน, ณกัญภัทร จินดา. ประสิทธิภาพของน้ำมันหอมระเหยจากข่าในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli, Staphylococcus aureus และ Salmonella typhimurium. ใน: เอกสารการประชุมวิชาการระดับชาติ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตามรอยพระยุคลบาท เกษตรศาสตร์กำแพงแสน ครั้งที่ 12 วันที่ 9 ธันวาคม 2558. นครปฐม; 2558. หน้า 1837-43.
นำพน พิพัฒน์ไพบูลย์, นิรุต อ่อนสลุง, สมพร หงษ์กง, สุริยาโชค เพิ่มพูน, วัชรายุทธ ลำดวน, สุรเชษฐ์ สีชำนาญ. การกลั่นน้ำมันหอมระเหยจาก ผักแขยง ข่าป่า มะแขว่น และเปราะหอม เพื่อใช้เป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมน้ำหอม. วารสารเกษตรศาสตร์และเทคโนโลยี 2556;4(2):11-22.
กลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัด สำนักงานจังหวัดสมุทรปราการ. แผนพัฒนาจังหวัดสมุทรปราการ 5 ปี (พ.ศ.2566-2570). [อินเตอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 30 พ.ค. 2567]. เข้าถึงได้จาก: https://province.mots.go.th/ewtadmin/ewt/samutprakan/ewt_dl_link.php?nid=853
สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรปราการ. [อินเทอร์เน็ต]. [เข้าถึงเมื่อ 16 ก.พ. 2566]. เข้าถึงได้จาก: http://www.samutprakan.doae.go.th/
Larsen K, Larsen SS. Gingers of Thailand. Chiang Mai: Queen Sirikit Botanic Garden; 2006.
Saensouk S, Saensouk P. Flora of Thailand vol. 16 part 2, Zingiberaceae Alipinia Roxb.In Chayamarit K, Balslev H, Newman M, Sangvirotjanapat S, editor. Prachachon, Bangkok: Forest Herbarium, Royal Forest Department; 2023.
Zhao T, Yu Q, Lin C, Liu H, Dong L, Feng X, Liao J. Analyzing morphology, metabolomics, and transcriptomics offers invaluable Insights into the mechanisms of pigment accumulation in the diverse-Colored Labellum Tissues of Alpinia. Plants 2023;12(21):3766.
ก่องกานดา ชยามฤต. คู่มือจำแนกพรรณไม้. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: บริษัท ประชาชน จำกัด; 2545.
ธนวรรณ กุมมาลือ. กลไกการต้านเซลล์มะเร็งของพืชสมุนไพร. พิมพ์ครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนสามัญ จรัสการพิมพ์; 2555.
อารีย์รัตน์ ขุนภิบาล, สุรินทร์ ปิยะโชคณากุล และ วิเชียร กีรตินิจกาล. การตรวจสอบความหลากหลายทางพันธุกรรมของข่า (Alpinia spp.) ที่ใช้บริโภคโดยเทคนิคเอเอฟแอลพี. Thai J Genet 2009;3(1):41-50.
Saensouk S, Saensouk P, Pasorn P, Chanshotikul N. Diversity and traditional uses of Zingiberaceae in Nakhon Phanom province, Thailand. Research & Knowledge 2018;4(1):47-55.
ฐนันดร์ศักดิ์ เพชรภักดี, สุรพล แสนสุข, ปิยะพร แสนสุข. ความหลากหลาย สถานภาพการอนุรักษ์ และการใช้ประโยขน์พื้นบ้านของพืชวงศ์ขิงในอำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด. วารสารวิทยาศาสตร์ คชสาส์น 2563;42(2):70-82.
อารีรัตน์ รักษาศิลป์, วิไลจิตร นำพูลสุขสันต์, สุรพล แสนสุข. ความหลากหลายและการใช้ประโยชน์พื้นบ้านพืชวงศ์ขิงในอำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม. วารสารราชภัฏร้อยเอ็ด: วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2563;1(1):31-5.
สุรพล แสนสุข, ปิยะพร แสนสุข, ธารา สังข์ทอง. พืชวงศ์ขิงในอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี. วารสารพฤกษศาสตร์ไทย 2556;5(2):99-105.
Arya KR, Sheetu W, Monica G, Sukriti V, Rubiya K, Keshav RP, et al. Journey of Alpinia galanga from kitchen spice to nutraceutical to folk medicine to nanomedicine. J Ethnopharmacol 2022;291:115144.
Theanphong O, Jenjittikul T, Minggvanish W. Essential oil composition and antioxidant activity from Alpinia siamensis K. Schum. Rhizome. Bull Health Sci Technol 2018;16(2):125-34.
Trimanto T, Hapsari L, Dwiyanti D. Alpinia galanga (L.) Willd: Plant Morphological Characteristic, Histochemical Analysis and Review on Pharmacological. AIP Conf Proc 2021;2353: 030021-1–030021-10.
ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความทุกบทความที่ได้รับการตีพิมพ์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ