แนวทางการบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ โรงเรียนเทศบาลประตูลี้ จังหวัดลำพูน

Main Article Content

ทัชธชา ปัญญารัตน์

บทคัดย่อ

งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาและพัฒนาแนวทางการบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านของนักเรียนโรงเรียนเทศบาลประตูลี้ จังหวัดลำพูน จากผู้บริหารและ คณะครูจำนวน 7 คน และการประชุมเชิงปฏิบัติการกับผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 15 คน โดยใช้แบบสอบถามและการสัมภาษณ์


ผลการวิจัยพบว่า ปัญหาของการบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ โรงเรียนเทศบาลประตูลี้ จังหวัดลำพูน โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง มีปัญหาสำคัญ คือ ด้านเป้าหมาย ด้านการบูรณาการเนื้อหา ด้านสื่อการสอน ด้านการจัดสรรเวลา ด้านการพัฒนาครู และด้านการประเมิน แนวทางการบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ มี 4 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ 1) หลักการและแนวคิด 2) วัตถุประสงค์ 3) แนวการดำเนินงาน และ 4) เงื่อนไขความสำเร็จ แนวทางที่พัฒนาขึ้นได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 7 คน ซึ่งประเมินว่ามีความถูกต้อง เหมาะสม และความเป็นไปได้ในการนำไปใช้จริงในระดับมากที่สุด

Article Details

รูปแบบการอ้างอิง
ปัญญารัตน์ ท. (2025). แนวทางการบริหารจัดการหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษแบบโฟนิกส์ โรงเรียนเทศบาลประตูลี้ จังหวัดลำพูน. คุรุสภาวิทยาจารย์, 6(3), 82–99. สืบค้น จาก https://ph02.tci-thaijo.org/index.php/withayajarnjournal/article/view/259427
ประเภทบทความ
บทความวิจัย

เอกสารอ้างอิง

กฤติมา จรรยาเพศ. (2562). การพัฒนาความสามารถในการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษโดยใช้ชุดกิจกรรม

โฟนิกส์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. Veridian E-Journal, Silpakorn University

ฉบับภาษาไทย สาขามนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปะ, 12(2), 2379-2393.

กรมวิชาการ. (2545). การจัดการเรียนรู้แบบActive Learning. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.

กุลธิดา รุ่งเรือง. (2554). การสอนโฟนิกส์. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

จิตรา วิชยุทธ. (2562). ผลการใช้ชุดกิจกรรมการอ่านสะกดคำแบบโฟนิกส์ที่มีต่อความสามารถในการอ่านออก

เสียงภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วารสารมหาวิทยาลัยศิลปากร, 39(3), 127-138.

ณัฐพล สุริยมณฑล, นิธิดา อดิภัทรนันท์, และนันทิยา แสงสิน. (2561). การพัฒนาความสามารถในการอ่าน

ภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ร่วมกับเทคนิค

การสอนโฟนิกส์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วารสาร Veridian E-Journal, Silpakorn

University, 11(3), 3354-3369.

ณัฐริกา พลพิทักษ์. (2566). การพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้รูปแบบการสอน SQ4R

ร่วมกับเทคนิคการสอนโฟนิกส์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัย ราชภัฏบุรีรัมย์, 15(1), 17-28.

รัชดากาญจน์ ใยดี. (2565). การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะ

การอ่านออกเสียงแบบโฟนิกส์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัย

ราชภัฏศรีสะเกษ, 16(1), 11-20.

อัจฉรา วงศ์โสธร. (2563). การใช้กิจกรรมโฟนิกส์เพื่อพัฒนาความสามารถในการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์, 12(2), 143-152.

อัจจิมา ไชยชิต. (2563). การพัฒนาทักษะการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านออกเสียงสะกด

คำภาษาอังกฤษ (Phonics) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏ

สุราษฎร์ธานี, 17(1), 149-160.

นูรมา บีรู. (2567). การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านออก

เสียงแบบโฟนิกส์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วารสารวิชาการมหาวิทยาลัยฟาฏอนี, 8(1), 59-68.

ปภาพินท์ นิยมพันธ์. (2566). การใช้การสอนแบบโฟนิกส์เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านออกเสียงคำภาษาอังกฤษ

ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3. วารสารวิชาการและวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล

พระนคร, 17(1), 177-189.

Burns, A., & Snow, C. E. (2018). Young Children Learning English: A Guide for Teachers.

Routledge.

Buckingham, J. (2020). Reading Instruction in Australia: Findings from the Past Decade.

Australian Council for Educational Research.

Darling-Hammond, L., Hyler, K. E., Gardner, M., & Lee, H. (2017). Effective Teacher

Professional Development. Learning Policy Institute.

Ehri, L. C., Nunes, S. R., Stahl, S. A., & Willows, D. M. (2001). Systematic Phonics Instruction:

Evidence-Based Methods for Reading Success. American Educator, 25(2), 5-11.

Epstein, J. L. (2001). School, Family, and Community Partnerships: Preparing Educators and

Improving Schools. Westview Press.

Fullan, M. (2007). The New Meaning of Educational Change. Teachers College Press.

Grabe, W. (2019). Teaching Second Language Reading. Cambridge University Press.

Harmer, J. (2007). The Practice of English Language Teaching. Pearson Education Limited.

Lunenburg, F. C., & Ornstein, A. C. (2008). Educational Administration: Concepts and

Practices. Cengage Learning.

Mayer, R. E. (2009). Multimedia Learning (2nd ed.). Cambridge University Press.

Ministry of Education. (2018). National Education Standards. Bangkok: Ministry of Education.

National Reading Panel. (2000). Teaching Children to Read: An Evidence-Based Assessment

of the Scientific Research Literature on Reading and Its Implications for Reading

Instruction. National Institute of Child Health and Human Development.

Northouse, P. G. (2018). Leadership: Theory and Practice (8th ed.). Sage Publications.

Office of the Basic Education Commission. (2019). Basic Education Statistics 2019. Bangkok:

Office of the Basic Education Commission.

Office of the Education Council. (2020). National Education Plan 2020-2037. Bangkok: Office

of the Education Council.

Owens, R. G., & Valesky, T. C. (2011). Organizational behavior in education: Leadership and

School Improvement. Pearson Education.

Seidenberg, M. S. (2017). Language at the Speed of Sight: How We Read What We Do. Basic

Books.

Tomlinson, C. A. (1999). The Differentiated Classroom: Responding to the Needs of all

Learners. ASCD.

Wahyuni, D., Fauziati, E., & Hikmah, N. (2016). The Effect of Phonics Instruction on EFL Young

Learners’ Reading Achievement. English Education: Journal of English Teaching and

Research, 1(1), 1-12.

Wiggins, G. (1998). Educative Assessment: Designing Assessments to Inform and Improve

Student Performance. Jossey-Bass.